ขุนคลัง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" เตรียมหารือ "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" เพื่อให้ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอฉบับคณะผู้บริหารฯ
ที่มี "บิ๊กหมง" เป็นประธาน ยืนยันแผนฟื้นฟูฯ เป็นธรรมต่อทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้
ขณะที่ "ทนง" อ่อนข้อให้ลูกหนี้ถือหุ้นทีพีไอเพิ่ม ด้านผู้บริหารลูกหนี้ "ประชัย"
ย้ำลูกหนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากแผนฟื้นฟูฯ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง ความคืบหน้าในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ว่า กระทรวงการคลังจะหารือกับนายประชัย
เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีพีไอเร็วๆ นี้ เพื่อให้ยอมรับแผนฟื้นฟูทีพีไอที่คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการฯ
ซึ่งมี พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เป็นประธาน
"คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูจะนำรายละเอียดทั้งหมดของแผนไปพิจารณาให้ละเอียดอีกครั้ง
ก่อนนำกลับมาให้กระทรวงการคลังพิจารณา และนำเข้าสู่กระบวนการทางศาลต่อไป ซึ่งผมยืนยันว่าแผนฟื้นฟูฯ
จะเป็นธรรมต่อทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ แม้ว่าศาลฎีกาจะมีมติให้เจ้าหนี้ยื่นขอแก้ไขแผนได้
หากมีเสียงสนับสนุนจากเจ้าหนี้ 75% ขึ้นไป จากเดิมไม่สามารถทำได้หากมีเสียงคัดค้านเพียงเสียงเดียวก็ตาม
แต่นายประชัยจะเห็นด้วยกับแผนที่กระทรวงการคลังพิจารณาเสนอให้ศาลพิจารณาหรือไม่นั้น
ไม่ใช่เรื่องใหญ่"
นายทนง พิทยะ ในฐานะคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับผู้ร่วมทุนทีพีไอ
โดยเบื้องต้นมีเพียงบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เท่านั้น แต่นโยบายหลักของพล.อ.มงคล
จะเน้นให้ความเป็นธรรมทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้จะต้องได้รับชำระหนี้คืน
และลูกหนี้จะได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนด้วย จากเดิมกำหนดให้เฉพาะพันธมิตรใหม่เท่านั้น
"ช่วงที่ผ่านมามีการกล่าวถึงกรณีการเข้ามาร่วมทุนของปตท.กันมาก เพระเป็นหน่วยงานของรัฐ
ซึ่งกระทรวงการคลังอาจพิจารณาให้ปตท.เข้ามาถือหุ้นได้"
สำหรับรายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขของคณะผู้บริหารแผนฯ ที่เสนอให้กระทรวงการคลังครั้งนี้
ได้มีการปรับปรุงวิธีการในเรื่องโครงสร้างทุน นอกเหนือจากเงื่อนไขในการปลดภาระค้ำประกันลูกหนี้
โดยแนวทางการเพิ่มทุนจะใช้วิธีการจัดสรรให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สัดส่วนการจัด
สรรยกให้เป็นอำนาจการพิจารณาของกระทรวงการคลัง
"ขั้นตอนการเพิ่มทุน คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ จะนำหุ้นที่มีการเพิ่มทุนทั้งหมดบวกกับหุ้นที่เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนหลังการชำระบัญชีล้างการขาดทุนทั้งหมด
โดยจะมีการลดมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้นจากหุ้น ละ 10 บาท เหลือ 1 บาท เพื่อให้บริษัทมีกำไรทันที
จากนั้นคลังจะใช้สิทธิเจรจากับเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และพันธมิตรธุรกิจใหม่ ตลอดจนดูแลผู้ถือหุ้นเดิมให้ได้รับสิทธิในการได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้"
นายประชัย กล่าวถึงกรณีที่คณะผู้บริหารแผนฯ ทีพีไอ จะเสนอให้ลูกหนี้ถือหุ้นเพิ่มเติมว่า
เรื่องดังกล่าวไม่มีความชอบธรรม เพราะทีพีไอเป็นบริษัทของลูกหนี้ เมื่อเจ้าหนี้ได้รับหนี้คืนแล้ว
ลูกหนี้ก็ควรได้บริษัทคืน ดังนั้น ผู้บริหารลูกหนี้ยังยืนยันขอให้กระทรวงการคลังใช้แผนฟื้นฟูกิจการฉบับที่ลูกหนี้เสนอ
เนื่องจากเป็นแผนที่มีความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยรายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการฉบับที่ลูกหนี้เสนอ
คือ ให้ลดหนี้จาก 2,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหนี้ที่หายไปจำนวน
2,140 ล้านดอลลาร์พร้อมดอกเบี้ย 750 ล้านดอลลาร์ ในช่วงปี 2541-2543 รวมเป็นหนี้
2,892 ล้านดอลลาร์นั้น ได้เสนอให้มีการแปลงหนี้เป็นทุน ในราคาหุ้นละ 20 บาท หรือเท่ากับ
5,845 ล้านหุ้น โดยมีสัดส่วนประมาณ 75% พร้อมทั้งกำหนดเวลาชำระหนี้ที่เหลือ คืนภายใน
4 ปี และกำหนดให้ลูกหนี้ซื้อหุ้นคืนในราคาหุ้นละ 20 บาทบวกดอกเบี้ย
วานนี้ (24 มิ.ย.) ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นTPI ปิดที่ 9.35 บาท ลดลง 5 สตางค์
เปลี่ยนแปลงลง 0.53% มูลค่าการซื้อขายรวม 218.31 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้นTPIPL ปิดตลาดที่
34.25 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท เปลี่ยนแปลง 3.01% มูลค่าการซื้อขายรวม 364.62 ล้านบาท