หากเป็นเมื่อหลายปีก่อนหลายคนคงนึกไม่ออกว่า ร้านตัดผม หรือ ร้านเสื้อผ้าจะมาเกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต
ได้อย่างไร แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกแล้วสำหรับชั่วโมงนี้ เมื่ออินเตอร์เน็ตไม่ได้ถูกมองว่า
"เทคโนโลยี" ไกลตัวแต่กลาย เป็นเครื่องมือทางการตลาดชั้นเยี่ยมขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนจะประยุกต์ใช้ได้สำเร็จเพียงใด
สมศักดิ์ ชลาชล เจ้าของร้าน ชลาชล แฮร์สตูดิโอ เป็นหนึ่งในเจ้า ของร้านทำผมที่มองเห็นโอกาสของการใช้ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตมาประยุกต์
เข้ากับธุรกิจร้านตัดผม
สมศักดิ์ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในช่างทำผมชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ที่อยู่กับธุรกิจนี้มาไม่น้อยกว่า
20 ปี และเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว เขาได้ตั้งร้าน salon de BKK ขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าดิเอ็ม
โพเรียม และจัดว่าเป็นการฉีกรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากร้านตัดผมทั่วไป
ร้าน salon de BKK ของเขา เกิดขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ของการเป็นแหล่งรวมช่างทำผมชื่อดังของเมืองไทยอย่าง
บุษบา เปรมเจริญ, สมพร ธิรินทร์ ยังรวมไปถึงช่างแต่งหน้าชื่อดัง อย่างลูกน้ำ
สุคนธ์ สีมารัตนกุล, ทองหล่อ ฉิมเจริญ ให้มาใช้เป็นสถานที่ในการให้บริการตัดผมหรือแต่งหน้าให้กับลูกค้าที่อยู่ใจกลางเมือง
ด้วยการแบ่งรายได้ระหว่างร้าน และช่างทำผมหรือช่างแต่งหน้าฝ่ายละ 50%
เป้าหมายของร้าน salon de BKK ไม่ได้มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในแถบใจกลางเมือง
ที่จะมาพบช่างตัดผมหรือช่างแต่งหน้าเจ้าประจำ ได้สะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงลูกค้าชาวต่างชาติที่เดินทางมาทำงานหรือพักผ่อนในเมืองไทย
และอนาคต สมศักดิ์ยังมองไปถึงการเปิดสาขา salon de BKK ในประเทศต่างๆ
"จริงๆ แล้วช่างฝีมือของคนไทยเก่งไม่แพ้ต่างชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการเกล้าผม
คนไทยเก่งมากในเรื่องนี้ แต่ที่แล้วมาคนไทยกลับไม่มีโอกาสไปทำงานในต่างประเทศเลย
เราหวังว่าร้านนี้จะเป็นส่วนที่จะโปรโมตช่างผมของคนไทย ทุกอย่างในร้านจะเป็นของคนไทย
นางแบบก็จะเป็นคนไทย"
การโปรโมตฝีมือช่างทำผมและช่างแต่งหน้าของเมืองไทยจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากสำหรับการทำร้านภายใต้
แนวทางนี้ และนี่เองที่ทำให้สมศักดิ์ นึกถึงการมีเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ร้านของเขาไปทั่วโลก
สมศักดิ์ ได้ญาติผู้น้องที่ชื่อประพุทธิ์ กำลังเอก (พรประภา) ซึ่งร่ำเรียนอยู่ประเทศอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก
และจบมาทางด้านคอมพิวเตอร์มาเป็นคนออกแบบและทำเว็บไซต์ www. salondebkk.com
ให้
ข้อมูลในโฮมเพจนี้จะบรรจุเรื่อง ราวเกี่ยวกับประวัติช่างทำผม ช่างแต่งหน้า
แนวโน้มของทรงผมใหม่ๆ ตลอดจนแฟชั่นโชว์ของเขาที่จัดขึ้นในช่วงที่ ผ่านมา
รวมถึงราคาค่าบริการและแผนที่การเดินทางมาที่ร้าน salon de BKK และอีเมลเพื่อไว้ตอบปัญหาแก่ลูกค้า
ผลตอบรับที่ได้มาก็คือ มีลูกค้าต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่มาใช้บริการในร้านโดยเห็นข้อมูลจากเว็บไซต์
และนี่เองทำให้แรงบันดาลใจในการนำระบบอินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยีมาใช้ประยุกต์
เข้ากับธุรกิจของเขาถูกลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น
จะว่าไปแล้วประสบการณ์ของการอยู่ในแวดวงช่างทำผมระดับแนวหน้าถึง 20
ปีเต็ม อาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้เขามองเห็นการใช้ประโยชน์จากการใช้อินเตอร์เน็ต
สมศักดิ์เป็นช่างทำผมในเวลานั้นเพียงไม่กี่คน ในยุคนั้นที่จบระดับปริญญาตรี
เอกสาขาวิชาจิตวิทยาจากวิทยาลัยครูสวนสุนันทา และหันมาเอาดีกับการเป็นช่างทำผม
ใช้ชีวิตเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนสอนตัดผมเกตุวดี อยู่หลายปี ซึ่งเป็นทั้งแหล่งบ่มเพาะความรู้เบื้องต้น
ก่อนจะมาเปิดร้านชลาชลเป็นของตัวเองเมื่อสิบปีที่แล้ว
นิสัยส่วนตัว สมศักดิ์ เป็นคนชอบเรียนรู้แสวงความรู้ใหม่ๆ เขาเคยต้องขายบ้านมรดกชิ้นเดียวที่เขาได้รับจากแม่
เพื่อแลกกับการมีเส้นทางเดินชีวิตของตัวเอง แทนที่จะช่วยทำธุรกิจโรงสีของครอบครัวซึ่งสมศักดิ์นำเงินทั้งหมด
1 ล้านบาทที่ได้จากการขายบ้าน ไปใช้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำผมในต่างประเทศ
"ผมไปมาหมดเกือบทุกประเทศ ไม่ว่าที่ไหนที่เขาบอกมีโรงเรียนสอนทำผมดีๆ
ก็ไปๆ มาๆ เมืองไทยกับเมืองนอกหลายปี" สมศักดิ์เล่าถึงประสบ การณ์หาความรู้ในอดีต
และนี่เองที่ทำ ให้การรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในธุรกิจทำผมจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
สมศักดิ์เริ่มใช้อินเตอร์เน็ตเมื่อ 2 ปีมาแล้ว จากการแนะนำของกนกวรรณ
ว่องวัฒนสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทเคเอสซี อินเตอร์เน็ต เพื่อนรุ่นน้องที่เป็นผู้จุดประกายความคิด
ในการเข้าไปท่องอินเตอร์เน็ต เพื่อหาข้อมูลเกี่ยว กับแฟชั่นทรงผมใหม่ๆ
สมศักดิ์ไม่ได้มองประโยชน์จากการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการค้าโดยตรง แต่เขาเห็นประโยชน์ในเรื่องการใช้เครื่องมือในการสร้างภาพพจน์
และใช้เป็นสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์มากกว่าอย่างอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่เขาได้ผลตอบรับอย่างดีจากเว็บไซต์
salondebkk.com มาแล้ว ทำให้เขา เห็นโอกาสของการนำไอทีมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจร้านทำผมอย่างเป็นระบบครั้งแรก
สมศักดิ์นำระบบแฟรนไชส์มาใช้กับการขยายสาขา เพื่อแก้ปัญหาที่ต้องไปกู้เงินแบงก์มาลงทุน
แต่วิธีนี้ทำ ให้เขาต้องควบคุมคุณภาพร้านแฟรนไชส์ อย่างเข้มข้น ผู้ซื้อแฟรนไชส์ของชลาชล
แทบจะไม่ต้องทำอะไร ยกเว้นลงทุนเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นการออกแบบร้าน
ช่างทำผม พนัก งานในร้าน จะถูกส่งจากสถาบันฝึกอบรม ของชลาชลทั้งหมด ยกเว้นแคชเชียร์
ในร้านเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นของผู้ซื้อแฟรนไชส์
ที่แล้วมาสมศักดิ์ต้องใช้วิธีการตรวจสอบร้านแฟรนไชส์เหล่านี้ด้วยตัวเอง
ซึ่งก็เหมือนร้านทำผมอื่นๆ ที่กว่าจะเช็กยอดรายได้ของแต่ละร้านได้ก็ต้อง
คอยถึงตอนเย็นเพื่อให้ร้านแฟกซ์รายละเอียดเข้ามา หรือแม้แต่การคอยโทรศัพท์
เพื่อตรวจสอบมารยาทของพนักงานรับโทรศัพท์ของร้านแฟรนไชส์แต่ละแห่งแบบไม่ให้ทันตั้งตัว
ภายในอีกไม่ถึงเดือน ร้านแฟรน ไชส์ชลาชลทั้ง 3 สาขานี้ จะถูกบริหารงานโดยผ่านระบบเครือข่าย
(network) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล (online) ระหว่างสำนักงานใหญ่ซอยทองหล่อ
และร้านแฟรนไชส์เหล่านี้ ซึ่งจะทำให้สมศักดิ์สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวของรายได้และค่าใช้จ่ายได้ตลอดเวลา
และที่สำคัญคือ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงแผนการตลาดต่อไป
"เราอยู่ในวงการแฟชั่นเราต้องวิ่งตลอด ระบบไอทีไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับธุรกิจนี้อีกต่อไป
เมื่อเรานำไอทีมาใช้แล้ว ทำให้เราสามารถดูได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นรายได้
หรือค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดภายในร้าน เราสามารถควบ คุมได้หมด เป็นจุดที่ทำให้เราจำเป็นต้องก้าวให้ทันกับเรื่องเหล่านี้"
สำนักงานใหญ่ในซอยทองหล่อ ซึ่งเป็นทั้งสถาบันฝึกอบรมช่างทำผม เพื่อ
ป้อนให้กับร้านแฟรนไชส์เหล่านี้ จะมี เครื่องแม่ข่าย (server) จะเป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงานของร้านแฟรนไชส์ทั้ง
3 สาขา ที่ตั้งอยู่ในห้างเซ็นทรัลพระราม 3 ซีคอนสแควร์ และสยามเซ็นเตอร์
ซึ่งจะต้องติดตั้งเครื่องคอม พิวเตอร์ ในแต่ละวันข้อมูลรายได้ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดทั้งหมดจากร้านแฟรนไชส์ทั้ง
3 แห่งจะถูกถ่ายโอนไปที่สำนัก งานใหญ่โดยผ่านเครือข่ายคู่สายโทรศัพท์ และโมเด็ม
"ที่สำนักงานใหญ่จะตรวจสอบข้อมูลความเคลื่อนไหวของยอดขาย และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายในร้านได้ตลอด
ถ้าเวลาจะไปไหนก็จะมีโน้ตบุ๊คเสียบเข้ากับโทรศัพท์ จะสามารถเช็กได้ตลอดเวลาว่า
ร้านแฟรนไชส์แต่ละแห่งเขามีรายได้เป็นอย่างไร เราเช็กได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน
ไม่ต้องรอจบวันแล้วจึงแฟกซ์มาเพื่อเก็บลงคอมพิว-
เตอร์อีกที แต่นี่ไม่ต้องเราเช็กดูได้ตลอด"
สมศักดิ์ยังพบว่าข้อมูลที่ถูกออน ไลน์อย่างทันท่วงทีนี้ ไม่ใช่เพียงแต่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับตัวเขาในแง่ของการบริหารงานเท่านั้น
แต่ยังเป็นประโยชน์ในเรื่องของการวางแผนการตลาด เมื่อสาขาใดที่มีปัญหาเรื่องยอดรายได้ตก
จากข้อมูลที่สามารถรับรู้ตลอดเวลา
นอกเหนือจากค่าแฟรนไชส์ 5 แสนบาท ค่าตกแต่งร้าน 3 ล้านบาท
และส่วนแบ่งจากยอดรายได้อีก 10% ที่ต้องให้กับร้านชลาชลเพื่อแลกกับการซื้อแฟรนไชส์ในเวลา
5 ปี ผู้ที่ซื้อแฟรน ไชส์ร้านชลาชล จะต้องเจียดเม็ดเงินอีกประมาณ 1 แสนบาทไว้ในเรื่องของการติดตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
และค่าเช่าคู่สายความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงมายังสำนักงานใหญ่ซอยทองหล่อ
สำหรับสมศักดิ์แล้ว เขามองว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากสำหรับการทำธุรกิจ
ในยุคใหม่ ที่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวให้ทันโดยเฉพาะในเรื่องของข้อมูล ไม่เพียงการรับรู้สถานการณ์รายได้ในแต่ละวันแล้ว
ระบบเครือข่ายนี้จะเป็นประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมสต็อกของวัตถุดิบที่จะใช้ภายในร้านให้สัม-พันธ์กับการใช้งานไม่ต้องมีสต็อกมากเกินไป
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เว็บไซต์ ชลาชล.คอม จะเปิดตัวขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์
และใช้ในการสร้างลูกค้าสัมพันธ์ ด้วยระบบอีเมลไว้คอยตอบปัญหาใหักับลูกค้า
และไว้เป็นที่รับฟังคำติชมจากลูกค้า ซึ่งเป็นการควบคุมคุณภาพวิธีหนึ่งของสมศักดิ์
หรือแม้แต่การจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านเว็บไซต์นี้
"เราจะใช้เว็บไซต์นี้เป็นสื่อในการเผยแพร่ข้อมูลแนวโน้มของทรงผมใหม่ๆ
ต่อไปเราไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา ลงตามสื่อต่างๆ ซึ่งแพงมาก อีกหน่อยเราไม่ต้องตอบปัญหาผ่านรายการวิทยุ
แต่ใช้เว็บของเราตอบคำถามได้เลย เพราะมันเป็นสื่อสองทางอยู่แล้ว หรือจะทำเป็นรายการโทรทัศน์บนเว็บก็ได้
หรือใช้โปรโมชั่นจัดกิจกรรมร่วมกับลูกค้าก็ยังได้" นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากแนวคิดของสมศักดิ์
ดีไซเนอร์ทรงผม ที่คลุกคลีกับเส้นผมมา 20 ปี ที่กำลังนำไอทีมาประยุกต์กับธุรกิจทำผม
เพื่อตอบสนองคำที่ว่า "เราอยู่ในวงการแฟชั่น เราต้องวิ่งตลอด"
และนี่คือส่วนหนึ่งของช่างทำผมยุคนี้ที่มีต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
และไม่ใช่สมศักดิ์เท่านั้น บุษบา เปรมเจริญ เจ้าของร้านทำผมดูเอ้ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งต้องสัมผัสกับอินเตอร์เน็ตจากอาชีพช่างทำผมโดยตรง
เมื่อบรรดาเจ้าของผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ ต่างก็หันมาใช้วิธีการอบรมตัวแทนจำหน่ายผ่านอินเตอร์เน็ต
เช่นเดียวกับบริษัท sebastian เจ้าของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสหรัฐอเมริกา
ที่ร้านดูเอ้ของเธอเป็นตัวแทนทางเทคนิค
เมื่อก่อนนี้บุษบาต้องเดินทางไปสหรัฐอเมริกาปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อไปอบรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
หรือทรงผมแบบใหม่ของ sebastian ซึ่งทำให้เธอต้องเสียทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
แต่ทุกวันนี้ บุษบาไม่ต้องเดินทางไปสหรัฐฯ แล้ว เพราะสามารถเรียนรู้ได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต
ที่สมัครเป็นสมาชิก เดือนละไม่กี่พันบาท และใส่รหัสผ่าน (password) เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ของ
sebastian ทุกครั้งที่มีสินค้าใหม่ หรือทรงผมแบบใหม่ๆ ออกมา
"อย่างเวลานี้ เขาจะออกเจลใส่ผมตัวใหม่ออกมา เราก็เข้าไปเปิดดูในเว็บไซต์ของเขาได้ทันที
ไม่ต้องรอให้เขาส่งข้อมูลมา หรือเวลามีทรงผมใหม่ๆ วิธีการทำหรือการซอยเป็นยังไง
เราก็เข้าไปดูได้เลย ภาพที่เขาแสดงก็จะเป็นวิดีโอคลิป ที่สามารถเคลื่อนไหวให้เห็นเลยว่าตัดยังไงซอยยังไง
เพียงแค่ใส่รหัสผ่านเข้าไปเท่านั้น"
ไม่ใช่เพียงบุษบาเท่านั้น แต่ทุกคนในร้านได้เรียนรู้เหมือนๆ กัน และที่สำคัญจะเลือกเรียนเวลาไหนก็ได้
เวลานี้เราไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายเพื่อเดินทางไปสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป
และนี่เองที่ทำให้บุษบามองเห็นประโยชน์ที่จะได้จากอินเตอร์เน็ต เพื่อมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจทำผมของเธอ
โดยเฉพาะในเรื่องของการอบรมการทำผมผ่านอินเตอร์เน็ต
"ตามปกติแล้วที่ร้านดูเอ้ จะเป็นสถาบันสอนเรื่องการทำผม แต่เป็นพวกหลักสูตรแบบ
advance ให้พวกช่างมาเพิ่มเติมความรู้ ต่อไปพี่จะเปิดสอนผ่านอินเตอร์เน็ต
มีรหัสผ่านให้เข้าเปิดเข้ามาเรียน ซึ่งเขาก็จะได้เรียนได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นช่วงไหน
เราจะมีถ่ายทำให้คนที่เข้ามาเรียนดู ซึ่งถ้าสอนตามปกติแล้วจะใช้เวลา 1 วัน
แต่ถ้าเขาเรียนผ่านอินเตอร์เน็ต เขาจะเปิดดูได้ตลอดเวลาภายในช่วงระยะเวลา
1-2 เดือน"