Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มิถุนายน 2547
EGVเตรียมถอนยวงจากตลท. หลังควบรวมกับ MAJOR เสร็จ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โฮมเพจ เมเจอร์ซินีเพล็กซ์
โฮมเพจ อีจีวี

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นต์, บมจ.
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป, บมจ.
เสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง
Theatre




บอร์ด EGV เห็นชอบให้ควบรวมกิจการกับ MAJOR ขณะ ก.ล.ต. ไม่อนุมัติให้ MAJOR ออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อแลกหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิ พร้อมสั่ง EGV ประชุมผู้ถือหุ้นใหม่เพื่ออนุมัติแผนรวมกิจการ พร้อม Presentation ให้กับนักลงทุน และ MAJOR ต้องขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ EGV ภายใน 1 ปี กับ ก.ล.ต. ก่อนจะเพิกถอน EGV จากตลาดหลักทรัพย์

นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง กรรมการบริหาร บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (EGV) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 47 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในแผนการรวมกิจการระหว่างบริษัทกับบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) (MAJOR) โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ของเมเจอร์ฯ แลกกับหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัท

โดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการรวมกิจการดังกล่าวเป็น 2 ทางเลือก คือ ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโดยเมเจอร์ฯ จะออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อชำระแทนค่าหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2547 ได้ลงมติไว้ โดยได้กำหนดเงื่อนไขภายใต้แผนการรวมกิจการตามทางเลือกที่ 1

ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัทอนุมัติให้รวมกิจการภายใต้แผนการรวมกิจการที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท อนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขณะที่ผู้ประชุมผู้ถือหุ้นของ MAJOR อนุมัติการเพิ่มทุน และการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งหมดให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิของ EGV

ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทให้ความเห็นชอบกับผลการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) ของเมเจอร์ฯ ที่ประชุมคณะกรรมการ และ ตลท. อนุมัติให้เพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน

ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติให้ MAJOR ออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อแลกกับหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิของ EGV แต่ไม่อนุญาตให้ MAJOR ออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อแลกกับหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทตามทางเลือกที่ 1 ขณะที่ทางเลือกที่ 2 MAJOR ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎของ ก.ล.ต. โดยทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ EGV ตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท ที่อนุมัติให้ควบรวมกิจการที่จะจัดทำขึ้นใหม่ให้สอดคล้องและเป็นไปตามนัยของประกาศ กจ. 6/2543

โดยก.ล.ต.อนุมัติคำขอเสนอซื้อหุ้นหลักทรัพย์ของ MAJOR อนุมัติการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ออกใหม่ของ MAJOR ให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทแทนการชำระค่าหุ้น และ/หรือใบสำคัญแสดงสิทธิ (แล้วแต่กรณี) และ ตลท.อนุมัติการรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ของ MAJOR เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน พร้อมกับเพิกถอนหุ้น EGV ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน

อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ไม่อนุมัติให้ MAJOR ออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อแลกกับหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิของหุ้น EGV และหุ้น EGV ต้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นใหม่เพื่ออนุมัติแผนการรวมกิจการใหม่ รวมทั้งจัด Presentation ใหม่ให้กับนักลงทุน ขณะเดียวกัน MAJOR ต้องขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ EGV ภายใน 1 ปีกับ ก.ล.ต.

ทั้งนี้ คณะกรรมการ EGV มีความเห็นชอบในการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการดังกล่าว เพราะเชื่อว่าจะทำให้ทั้ง 2 บริษัทมีฐานลูกค้าและส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการผสมผสานการบริหารงานของบริษัททั้ง 2 แห่งเข้าด้วยกัน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายจากการลดความซ้ำซ้อนของงานที่มีอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายทางการตลาด ซึ่งไม่มีนโยบายลดจำนวนพนักงานแต่จะเน้นการบริหารทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้เป็นผู้นำและครองส่วนแบ่งตลาดถึง 70% และจะยังคงไว้ซึ่งเครื่องหมายบริการของทั้งสองบริษัท คือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และอีจีวี

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะร่วมกันกำหนดนโยบายในการบริหาร และแผนการดำเนินงานหลักเพื่อให้ทั้งสองแห่งใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบายของส่วนบริหารกลาง เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรโดยรวม และไม่มีนโยบายปิดสาขาที่มีทำเลและที่ตั้งใกล้เคียงกัน หรือมีกลุ่มเป้าหมายที่ซ้ำซ้อนกัน แต่จะมีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดหรือการเพิ่มบริการใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสาขา

ทั้งนี้ EGV ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น 24 มิถุนายน 47 และชี้แจงนักลงทุนเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท 6 กรกฎาคม 47 MAJOR จะยื่นขออนุญาตเพื่อออกหุ้นใหม่ต่อ ก.ล.ต.วันที่ 15 กรกฎาคม และ EGV จะขอเพิกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในวันเดียวกัน

จากการควบรวมกิจการดังกล่าว หากผู้ถือหุ้นของ EGV แลกหุ้นกับ MAJOR จะได้รับประโยชน์จากการมีสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์ของ MAJOR และผู้ถือหลักทรัพย์ที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่มีภาระภาษีที่เกิดจากกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ของ MAJOR แต่ผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะไม่สามารถใช้สิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นเพื่อออกเสียงในเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทโดยตรงได้ แต่ต้องใช้สิทธิออกเสียงผ่าน MAJOR ซึ่งเป็นผู้ใช้สิทธิในบริษัทอีกทอดหนึ่ง

ขณะที่ผู้ถือหุ้น EGV ยังคงถือหลักทรัพย์บริษัทต่อไป ไม่ว่าการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจในฐานะนิติบุคคลแยกต่างหากจาก MAJOR ดังเช่นที่เป็นมา ดังนั้น ผู้ถือหลักทรัพย์ของบริษัทที่ตัดสินใจไม่แลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ของบริษัทกับหุ้นเพิ่มทุนของ MAJOR จะยังคงมีสิทธิในฐานะผู้ถือหลักทรัพย์เช่นเดิมทุกประการ แต่อาจขาดสภาพคล่องเพราะไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน และจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราปกติ

สำหรับ MAJOR การปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้จะส่งผลให้ MAJOR เกิดส่วนเกินกว่ามูลค่าสุทธิตามบัญชี (Goodwill) ของ MAJOR ซึ่งคำนวณจากส่วนต่างของมูลค่าตลาดของ MAJOR ในวันที่มีการแลกหุ้นและมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (Net Asset Value) ของบริษัท หาก MAJOR มีการตัดจ่ายส่วนเกินกว่ามูลค่า สุทธิตามบัญชีของบริษัทดังกล่าวทั้งจำนวน จะส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจำนวนมากในงบกำไรขาดทุนของ MAJOR ในรอบบัญชีที่เกิดรายการ ซึ่งจะส่งผลให้ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งรวมถึงผู้ถือหุ้นและผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัทที่แลกหลักทรัพย์ดังกล่าวกับหุ้นสามัญใหม่ของ MAJOR ได้ และจะจ่ายปันผลได้ภายหลังจากการล้างขาดทุนสะสมหมด ซึ่ง MAJOR สามารถโอนสำรองตามกฎหมายและส่วนเกินมูล ค่าหุ้นมาชดเชยกับผลขาดทุนสะสมดังกล่าวได้หากผู้ถือหุ้นอนุมัติ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us