ค่าย "เอส.พี. ซูซูกิ" ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ทั้งเรื่องระบบการทำงาน การบริหาร ช่องทางการขาย และบุคลากรตั้งแต่ระดับบนลงล่าง รองรับการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์
คาดอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทะลุปีละ 2 ล้านคัน ใช้งบประมาณลงทุนกว่า 550 ล้านบาท ทำแผนเชิงรุกพร้อมทุ่มงบกิจกรรมด้านการตลาดปีละกว่า
300 ล้านบาท หวังมุ่งสู่เป้าหมายชิงแบ่งตลาดเพิ่มจาก 13% เป็น 20% ซึ่งล่าสุดออกแคมเปญแรงดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ล่อใจลูกค้า
นายสถิตพงษ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด(มหาชน)
(SPSU) ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในเขตภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า จากทิศทางของตลาดรถจักรยานยนต์ของไทยในอนาคต
จะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะมีปริมาณรวม 1.9 ล้านคัน
จากปีที่แล้วกว่า 1.7 ล้านคัน และในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มเป็นกว่า 2 คัน รวมมูลค่าแต่ละปีไม่ต่ำกว่าแสนบาท
"ผลจากการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ใน 3 ปีข้างหน้า ทำให้บริษัทจำเป็นต้องมีการปรับองค์กรครั้งใหญ่
ทั้งเรื่องบุคลากร ช่องทางการขาย และการบริการหลังการขาย หันไปเน้นการตลาดแนวรุกมากขึ้น
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ซูซูกิมีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่า 20% จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ
13% โดยในเป้าหมายดังกล่าวเฉพาะ ยอดขายของเอส.พี.ซูซูกิ ทั่วประเทศ จะมีสัดส่วนประมาณ
65-70% ของยอดขายรถจักรยานยนต์ซูซูกิทั้งหมด"
นายสถิตพงษ์กล่าวว่า ช่องทางการขาย เอส.พี. ซูซูกิได้วางแผนการพัฒนาศักยภาพของดีลเลอร์เดิม
260 ราย รวมโชว์รูม 400 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินใน ส่วนนี้ประมาณ 200 ล้านบาท
มีระยะเวลาดำเนินงานทั้งหมด 3 ปี รวมถึงการเพิ่มจำนวนดีลเลอร์ในพื้นที่ยังเป็นจุดอ่อน
หรือขาดอยู่ด้วย โดยตั้งศูนย์ฝึกอบรมครบวงจร ทั้งเรื่องการขายและการบริการหลังการขาย
สามารถรองรับผู้เข้าร่วมฝึกอบรมได้มาก กว่า 60 คนต่อครั้ง ซึ่งซูซูกิ ทั่วโลกมีเพียงไม่กี่แห่ง
โดยศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีศูนย์อะไหล่ของเอส.พี.ซูซูกิ ซึ่งมีขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3
ของโลก มีมูลค่าสต๊อกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และยังมีคลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สามารถเก็บรถจักรยานยนต์ได้จำนวนถึง 1.5 หมื่นคัน รวมมูลค่าการลงทุนของทั้ง 3 ส่วน
ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์อะไหล่ และคลังสินค้าจำนวนถึง 350 ล้านบาท โดยยังไม่รวมราคาที่ดินกว่า
70 ไร่ ที่ใช้ในการก่อสร้าง
"เมื่อรวมการลงทุนสำหรับรองรับแผนงานเชิงรุกแล้ว เอส.พี.ซูซูกิใช้งบลงทุนไปกว่า
550 ล้านบาท ทั้งการปรับปรุงโชว์รูม 400 แห่ง ศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์อะไหล่ และคลังสินค้า
ซึ่งงบส่วนหนึ่งได้รบการสนับสนุนจากบริษัทแม่ ไทยซูซูกิ มอเตอร์ โรงงานผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ซูซูกิในไทย โดยเงินลงทุนนี้ยังไม่รวมงบประมาณในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด
ที่คาดว่าปีนี้จะใช้ไปไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท"
นายสถิตพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้จะไม่สูงเหมือนกับปีที่ผ่านมา เพราะไตรมาส 3 ซึ่งเข้าสู่ฤดูฝนตลาดจะลดลงเล็กน้อย
แต่จากการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในตลาดรถจักรยานยนต์ ที่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายออกมากระตุ้นลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีแนวโน้มว่าตลาดน่าจะไม่ต่างจากปีที่แล้ว และไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
และปีนี้เป็นช่วงใกล้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงน่าจะช่วยให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เพื่อนำร่องแผนการตลาดแนวรุก เอส.พี.ซูซูกิจึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายใหม่ด้วยแคมเปญ ผ่อนดอกเบี้ย 0% เป็นเวลาถึง 6 เดือน เพียงลูกค้าดาวน์รถ 20% ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึง
31 กรกฎาคมนี้ โดยบริษัทช่วยซัปพอร์ตแคมเปญนี้เป็นจำนวนเงิน 40 ล้านบาท ซึ่งเพิ่งปิดเมื่อต้นเดือนมิ.ย.
นี้และได้รับการต้อนรับดีมาก นอกจากนี้ไทยซูซูกิมอเตอร์ และเอส.พี.ซูซูกิ จะร่วมมือกันเปิดตัวแนะนำสู่ตลาดทุกไตรมาส เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ประเภทสกู๊ตเตอร์
ที่ตลาดมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ และบริษัทก็จะผลิตรถประเภทนี้สู่ตลาดปลายปีนี้หรือต้น
ปีหน้า