Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มิถุนายน 2547
ศาลฎีกาดับฝัน "ประชัย" ชี้ขาดเจ้าหนี้แก้แผนได้-เปิดช่องคลังเดินหน้า             
 


   
search resources

อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย, บมจ.
เอ็ฟเฟคทีฟ แพลนเนอร์ส
ทีพีไอ โพลีน, บมจ.
ศาลล้มละลายกลาง
ประชัย เลี่ยวไพรัตน์
ประเสริฐ บุญสัมพันธ์
ลือศักดิ์ กังวาลสกุล




ศาลฎีกาตัดสินคดี ทีพีไอ กรณีฟ้องนิติกรรม EPL พิพากษาแผนฟื้นฟูฯ ไม่โมฆะ เจ้าหนี้เกิน 75% แก้ไขสาระสำคัญของแผนฯได้ สกัด "ประชัย" สวมสิทธิเจ้าหนี้ค้าน เปิดช่องให้ 5 อรหันต์ในฐานะผู้บริหารแผนฯ สามารถแก้ไขแผนฟื้นฟูฯ TPI ได้เต็มที่ ขณะเดียวกันได้เลื่อนตัดสินคดีซื้อหนี้ในราคาส่วนลดของ TPIPL ออกไปเป็นวันที่ 20 กันยายน เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้เจรจานอกรอบเพื่อหาแนวทางบรรลุข้อตกลง

นายกมล ธีระเวชพลกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลล้มละลายกลาง ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่บริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟแพลนเนอร์ส อดีตผู้บริหารแผนบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน)(TPI) ที่ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลล้มละลายกลางในประเด็นเรื่องการแก้ไขการลงคะแนนเสียงเพื่อแก้ไขสาระสำคัญของแผนฟื้นฟูกิจการ จากเดิมที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่าการแก้ไขแผนฯจะต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ด้วยคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 75% ของมูลหนี้และไม่มีเจ้าหนี้รายใดรายหนึ่งคัดค้านนั้น

ซึ่งศาลฎีกามีคำสั่งเห็นชอบตามคำร้องของ EPL โดยให้มีการแก้ไขการออกเสียงลงคะแนนของเจ้าหนี้ที่เข้าร่วมแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงินเพื่อแก้ไขสาระสำคัญของแผนฯ ว่าจะต้องผ่านความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 75% ของมูลหนี้เท่านั้น เนื่องจากผู้บริหารแผนมีสิทธิในการแก้ไขแผนฯเพื่อให้แผนดำเนินการต่อไปได้

ที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารลูกหนี้ TPI ได้ยื่นคำร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติของ EPL ในฐานะผู้บริหารแผนฯ ไม่มีความเหมาะสม เพราะเป็นบริษัทต่างด้าวและไม่มีใบอนุญาตในการประกอบการบริหาร สินทรัพย์ของ TPI เนื่องจากศาลฎีกาเห็นว่าศาลล้มละลายกลางได้เพิกถอน EPL ออกจากการเป็นผู้บริหารแผนฯแล้ว

ส่วนคดีที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ได้ยื่นคำร้อง เกี่ยวกับคุณสมบัติของ EPL เนื่องจากไม่มีความเหมาะสมเพราะเป็นบริษัทต่างด้าว และมีคุณสมบัติเพียงจัดทำบัญชีเท่านั้น ดังนั้นขอให้ตัดสินการดำเนินการทางนิติกรรมทุกอย่างที่ EPLในฐานะอดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ TPI ทำไว้เป็นโมฆะทั้งหมดไม่มีผลตามกฎหมาย แต่ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้ว ตัดสินให้การทำนิติกรรมทั้งหมดของ EPL ไม่เป็นโมฆะ เนื่องจากบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว

แหล่งข่าววงใน กล่าวว่า ตามศาลฎีกามีคำสั่งเห็นชอบตามคำอุทธรณ์ของ EPL ประเด็นการลงคะแนนเสียงเพื่อแก้ไขสาระสำคัญของแผนฟื้นฟูฯ นั้น ถือเป็นการปิดโอกาสให้เจ้าหนี้รายเล็กที่ไม่เห็นชอบกับแผนฯวีโต้ได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเอื้อให้กับคณะผู้บริหารแผนฯ TPI ที่มีพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เป็นประธาน ที่ได้เตรียมเสนอร่างแผนฟื้นฟูกิจการฉบับสมบูรณ์ให้กระทรวงการคลังพิจารณาในสัปดาห์นี้ ทำการแก้ไขแผนฟื้นฟูฯได้ง่ายขึ้น จากเดิมหากมีเจ้าหนี้ทางการเงินเพียงรายเดียวคัดค้านก็เท่ากับร่างแผนฟื้นฟูฯ ดังกล่าวตกไป เหมือนสมัยที่ EPLพยายามแก้ไขแผนฯแต่ก็ทำไม่สำเร็จ

นอกจากนี้ นายประชัย คาดหวังสูงว่าศาลฎีกา จะมีคำสั่งเห็นชอบตามคำร้องที่ขอให้แผนฟื้นฟูฯ ที่ EPL เป็นผู้ทำแผนฯ ต้องเป็นโมฆะ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้บริหารลูกหนี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนฟื้นฟูฯฉบับใหม่ เพราะธุรกรรมต่างๆ ที่ทำมาสมัย EPL เป็นผู้บริหารแผนฯต้องเป็นโมฆะด้วยแต่เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งให้แผนฟื้นฟูฯ ดังกล่าวไม่เป็น โมฆะ ทำให้นายประชัยต้องหาแนวทางที่จะคัดค้านร่างแผนฟื้นฟูฯฉบับตัวแทนกระทรวงการคลังใหม่

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง การเข้าไปถือหุ้นในTPI ตามนโยบายของกระทรวงการคลังนั้น ปตท.จะใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 2 เดือนว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยจะต้องคำนึงถึงความคุ้ม ทุนและอนาคตในการทำรายได้และผลตอบแทนของ ผู้ถือหุ้น ปตท.ด้วย โดยเฉพาะประเด็นที่สำคัญ หาก ปตท.เข้าไปถือหุ้นในทีพีไอแล้ว ต้องไปร่วมรับผิดชอบหนี้ของทีพีไอ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 70,000 ล้านบาทด้วย ดังนั้น จึงต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม

เลื่อนชี้ขาดซื้อลดหนี้ TPIPL 20 ก.ย.

ศาลล้มละลายกลาง ยังได้มีคำสั่งให้เลื่อนการตัดสินคำร้องของเจ้าหนี้ที่คัดค้านการรับหนี้คืนโดยมีส่วนลดของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ออกไปเป็นวันที่ 20 กันยายน 2547 เวลา 13.30 น. เนื่องจากเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ขอนัดไกล่เกลี่ยนอกรอบเป็นการส่วนตัวโดยทั้งสองฝ่ายมั่นใจว่าจะสามารถเจรจากันได้ด้วยดี

นอกจากนี้ ผู้บริหารแผนฯTPIPL ได้ดำเนินการขอกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย (KTB)เพื่อนำมารีไฟแนนซ์หนี้จำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงประเด็นขอลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยจำนวน 4,800 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันจะทำการเจรจากันนอกรอบ

โดย TPIPL ได้เสนอเงื่อนไขการชำระหนี้ TPIPL ใหม่ โดยจะชำระหนี้เงินต้นจำนวน 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ครบทั้งจำนวน ทั้งเจ้าหนี้มีประกัน และเจ้าหนี้ไม่มีประกัน ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระ บริษัทขอผ่อนชำระเป็นเวลา 3 ปี นอกจากนี้ ยังจะมีการซื้อหนี้คืนในราคาส่วนลดครั้งที่ 2 ด้วย

ปัจจุบัน TPIPL มีหนี้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เป็นดอกเบี้ยค้างชำระราว 4.8 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทพยายามที่จะปรับโครงสร้างหนี้ที่เหลืออยู่ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นธันวาคม นี้ เนื่องจากจะครบกำหนดระยะเวลาในการฟื้นฟูกิจการแล้ว

นายลือศักดิ์ กังวาลสกุล ที่ปรึกษากฎหมาย คณะกรรมการเจ้าหนี้ TPIPLกล่าวว่า เรื่องการซื้อหนี้คืนครั้งที่ 2 นั้น คณะกรรมการเจ้าหนี้ ให้การสนับสนุน แต่กรณีของดอกเบี้ยค้างชำระ คณะกรรมการเจ้าหนี้เห็นว่า ตามแผนฟื้นฟูฯกำหนดว่าจะมีการแปลงเป็นทุน จึงยังไม่ตัดสินใจ หรือรับเงื่อนไขของลูกหนี้หรือไม่

"ลูกหนี้ได้แจ้งกับศาลฯว่าขณะนี้ KTB อยู่ระหว่างการทำดิวดิลิเจนท์เชื่อว่าผลการตรวจสอบทรัพย์สินจะออกมาดี โดยในเบื้องต้น KTB ได้แจ้งกับลูกหนี้ว่าฐานะการเงินของ TPI อยู่ในระดับที่น่าลงทุน อย่างไรก็ดีลูกหนี้ได้แจ้งต่อศาลฯว่าส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นบวกมานานแล้วถึงแม้ยังมีขาดทุนสะสมอยู่ 2,000 ล้านบาทก็ตาม และบริษัทมีเงิน ฝากอยู่ในธนาคาร 8,000-9,000 ล้านบาท" นายกมล กล่าว

ปัจจุบันมีเจ้าหนี้มารับหนี้คืนในราคาส่วนลดจำนวน 22 ราย คงเหลือเจ้าหนี้เพียง 8 รายที่ยื่นคัดค้านการรับหนี้คืนดังกล่าว ซึ่งสาเหตุที่เจ้าหนี้ปฏิเสธรับหนี้คืน เนื่องจากลูกหนี้ผิดสัญญาในการชำระหนี้คืนในราคาส่วนลดจากมูลหนี้ 220 ล้านดอลลาร์เหลือ 180 ล้านดอลลาร์ทำให้เจ้าหนี้บางคนต้องการได้รับชำระหนี้คืนในราคาเต็ม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us