ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม ยันเชื้อเพลิงถ่านหินราคาสูงไม่กระทบต้นทุน เหตุมีสต๊อกเชื้อเพลิงเก่ารองรับถึง
3 เดือน คาดครึ่งปีหลังราคาปูนในตลาดทรงตัว พร้อมปรับกลยุทธ์ "ปูนตราเสือพลัส"
หันเจาะตลาดโครงการบ้านจัดสรรระดับกลางและล่าง โหมทำการตลาดบวกเครือข่ายปูนใหญ่
ขยายมูลค่าตลาดของปูนเสือพลัส
ระบุเป้าขายทะลุ 3 แสนตัน
นายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม
จำกัด ธุรกิจซีเมนต์เครือซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดปูนซีเมนต์ในปี
2547 บริษัทยังมองว่าความต้องการของตลาดทั้งปีจะโตประมาณ 10% หรือประมาณ 26 ล้านตัน
ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรก การที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวได้เป็นตัวขับเคลื่อนทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น
แต่ในครึ่งปีหลังภาคอสังหาริมทรัพย์จะลดความร้อนแรงลง โดยเฉพาะโครงการบ้านราคาแพงจะเติบโตช้าลง
แต่ยังมีโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่เข้ามาเสริม ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้ปูนฯเป็นไปตามที่ประเมินไว้
"คาดว่าอัตราเติบโตของยอดขายปูนซีเมนต์ ปีนี้จะอยู่ที่ 10% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับเศรษฐกิจของประเทศ
สาเหตุที่ยอดขายปูนเติบโตมาจากโครงการลงทุนระบบสาธารณูปโภคของรัฐบาลมีส่วนช่วย
ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยอดขายของปูนซิเมนต์โตเฉลี่ย 7-10% ตลอด"
นายปราโมทย์กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงด้านราคาเชื้อเพลิง ถ่านหิน และไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นว่า
มีผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทบ้าง ซึ่งผลกระทบดังกล่าวจะค่อยๆ เกิดขึ้น แต่ในช่วง
6 เดือนข้างหน้ายังจะไม่ส่งผลมากนัก เพราะบริษัทยังมีสต๊อกเชื้อเพลิงเก่าอยู่อย่างน้อย
3 เดือน ทำให้บริษัทยังไม่มีความจำเป็นปรับราคาขายปูนซีเมนต์ และคาดว่าในครึ่งหลังของปีราคาปูนในตลาดจะทรงตัว
"หากเราแบกต้นไหวก็แบกไว้ เราไม่อยากเป็นผู้ร้ายตัวที่สองอีก" นายปราโมทย์กล่าว
อย่างไรก็ดี ภายหลังที่บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ "ปูนตราเสือพลัส"
ซึ่งเป็นปูนสำหรับงานก่อฉาบระดับพรีเมียม โดยตลาดของปูนพลัสค่อยๆ ขยายตัวมากขึ้น
โดยเฉพาะบ้านจัดสรรที่ฟื้นตัวตามทิศทางของเศรษฐกิจ ประกอบกับการใช้งานจะไม่ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองของปูน
เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เพราะผู้บริโภคภายในประเทศมีความต้องการสินค้าที่แตกต่างกัน
ทำให้บริษัทได้พัฒนาปูนเสือพลัสขึ้นมา เพื่อให้เป็นสินค้าเฉพาะงานมากขึ้น
ทั้งนี้ ยอดขายของปูนตราเสือพลัสเพิ่ม ต่อเนื่องเฉลี่ย 20,000-30,000 ตันต่อเดือน
คาดว่ายอดขายทั้งปีไม่ต่ำกว่า 3 แสนตัน โดยส่วนแบ่งตลาดของปูนตราเสือพลัสจะไม่เกิน
10% ของงานฉาบ แต่โอกาสที่จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมีความเป็นไปได้สูง "เรายังไม่รีบร้อนในการขยายตลาดมาก เพราะต้องให้เวลากับปูนตราเสือพลัสเกี่ยวกับการใช้งาน
ซึ่งทุกอย่างต้องอาศัยเวลา แต่ในเชิงการตลาดแล้วบริษัทไม่ได้หยุดนิ่ง มีการวิ่งเข้าหาโครงการอสังหาริมทรัพย์
แนะนำช่างให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งาน การประชาสัมพันธ์ รวมถึงใช้เครือข่ายของเครือซิเมนต์ไทยในการทำตลาดควบคู่กันไป
โดยในครึ่งปีหลังจะเน้นไปทำตลาดกลุ่มบ้านจัดสรรราคาระดับกลางลงมา เพราะกลุ่มนี้ยังมีความต้องการอีกเยอะ
รวมถึง โครงการบ้านเอื้ออาทรที่บริษัทได้เข้าไปทำการตลาดมาแล้ว" นายปราโมทย์ กล่าว
นายปราโมทย์กล่าวถึงการขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ ว่า บริษัทจะคำนึงถึงความต้องการของตลาดเป็นหลัก
หากมูลค่าตลาดน้อยคงไม่คุ้มกับการลงทุน ซึ่งขณะนี้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่จะออกมาอีกจำนวนมาก
เพียงแต่รอสภาพตลาดก่อน