กระทรวงไอซีทีเปิดประมูลสมาร์ทการ์ดรอบใหม่ ได้ผู้เข้าร่วมทั้งหน้าเก่าและใหม่
5 กลุ่ม ภายใต้คณะกรรมการชุดเดิม "หมอเลี้ยบ" เปลี่ยนกฎใหม่ไม่ให้ คู่แข่งเห็นราคา
หวังปิดโอกาสฮั้ว ยันยึดราคา 108 บาทเป็นเพดาน
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
หรือไอซีที เปิดเผยถึงการประมูลบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ หรือสมาร์ทการ์ดว่า
การเปิดประมูลสมาร์ทการ์ดรอบใหม่มีผู้เข้ายื่นซอง 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มกิจการร่วมค้าซีเอสที
มีบริษัท ไมโครอิเล็กทรอนิกส์กับอินเทลการ์ด 2.กลุ่มกิจการร่วมค้าดีพีทีเอฟ มีบริษัทเอ็กซัลโต้กับท็อปปังฟอร์ม
3.กลุ่มกิจการร่วมค้าแอลจีพี มีบริษัท เอ็มพลัส กับไทยบริทิส ซีเคียวริตี้ พรินติ้ง
4.กลุ่มกิจการร่วมค้าจีดีไอซี มีบริษัท จีแอนด์ดีกับอินเทล การ์ด และ 5.กลุ่มกิจการร่วมค้าเอสเอสไอ
แอนด์ โอซีเอส มีบริษัท โอเบอร์ชัวร์กับจันวานิชย์
ส่วนบริษัทที่เข้าประมูล ในส่วนที่เป็นระบบปฏิบัติการสมาร์ทการ์ด เป็นบริษัทที่อยู่อันดับ
1 ใน 5 ของโลกเข้าร่วมประมูลคือ 1.เอ็กซัลโต้ 2.เจมพลัส 3.เจ แอนด์ ดี 4.เอสที
ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และ 5.โอเบอร์ชัวร์
สำหรับการประมูลสมาร์ทการ์ดครั้งใหม่นี้ กระทรวงไอซีทีจะใช้คณะกรรมการชุดเดิม
โดยจะมีการประกาศผู้ที่ผ่านเงื่อนไขด้านพาณิชย์ในวันที่ 22 มิ.ย. ประกาศผู้ที่ผ่านเงื่อนไขทางด้านเทคนิคในวันที่
28 มิ.ย. และเปิดประมูลแบบออนไลน์ในวันที่ 29 มิ.ย.นี้
ส่วนรูปแบบการประมูลจะเปลี่ยนจาก English Auction ที่ให้ฝ่ายหนึ่งเห็นตัวเลขของอีกฝ่ายหนึ่งในการเคาะราคาบนกระดาษแต่ละครั้ง
ซึ่งการประมูลด้วยวิธีนี้จะให้สำหรับอุปกรณ์ที่รู้มาตรฐานของราคาอยู่แล้ว อย่างการประมูลครั้งที่ผ่านมามีการกำหนดให้เสนอราคาครั้งละไม่เกิน
5 นาที ส่วนแบบใหม่ที่จะนำมาใช้คือแบบ Sealed Bid Auction รูปแบบคือแต่ละฝ่ายจะไม่เห็นตัวเลขของกันและกัน
จะมีเพียงคณะกรรมการเท่านั้นที่เห็นตัวเลขในการประมูลแข่งกัน โดยผู้เคาะราคาแต่ละครั้งหากสูงกว่าอีกฝ่ายหนึ่งระบบจะไม่ตอบรับ
หากต่ำกว่าระบบจึงจะตอบรับ
"ผู้ประมูลที่ราคายังสูงกว่าอีกฝ่ายก็ต้องเสนอราคาใหม่ในเวลาที่กำหนดข้อดีของการประมูลแบบนี้คือมีความเหมาะสมกับกรณีที่มีผู้เข้าร่วมประมูลจำนวนน้อย
และโอกาสจะฮั้วกันยากขึ้น"
น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้มีผู้ยื่นซองมากกว่าครั้งที่แล้ว ซึ่งมีเพียงสามราย
เป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งห้ากลุ่มตั้งใจแข่งขันกันเต็มที่ เพราะมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว
ว่าทางเราต้องการให้การประมูลจัดซื้อถูกต้องโปร่งใส รวมถึงการส่งมอบบัตรมีความผ่อนคลายมากขึ้น
ส่วนเรื่องราคาจะยึดฐานของผู้ที่ชนะการประมูลครั้งที่แล้วคือประมาณ 108 บาทเป็นเพดาน
การทำ Auction ก็จะเริ่มจากราคาต่ำสุด เพื่อให้ได้ราคาในระดับที่พอใจ หากได้ราคาที่ดีแล้วก็จะเริ่มดำเนินการในขั้นต่อไปทันที
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้เข้าประมูลกังวลคือระยะเวลาการส่งมอบบัตรล็อตแรก คือตามทีโออาร์
กำหนดว่าล็อตแรกจะต้องส่งมอบภายใน 90 วัน ซึ่งการดำเนินการส่งมอบไม่น่าจะเกินเดือนต.ค.นี้
เดิมการส่งมอบบัตรสมาร์การ์ดล็อตแรกจำนวน 12 ล้านใบ ให้มีการส่งมอบจำนวน 1 หมื่นใบภายในระยะเวลา
3 อาทิตย์ 1 ล้านใบภายในเวลาเดือนครึ่ง ทั้งนี้ หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคาดว่าล็อตแรกจะส่งมอบได้ครบภายในเดือนธ.ค.นี้
จากนั้นกระทรวงไอซีทีก็จะส่งให้กระทรวงมหาดไทย ไปดำเนินการในขั้นต่อไป
น.พ.สุรพงษ์กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เป็นห่วงเกี่ยวกับข้อมูลที่เป็นสิทธิส่วนบุคคลว่า
เรื่องนี้ได้มีการชี้แจงและทำความเข้าใจไปแล้วตั้งแต่มีการประมูลครั้งแรก แต่ถ้าเกิดมีผู้ที่เป็นห่วงในเรื่องดังกล่าวอีก
ก็จะมีการชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างไม่น่าจะมีปัญหาอะไร