Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 มิถุนายน 2547
ฟันธงเศรษฐกิจครึ่งปีหลังวิ่งฉิวชาตรีเผยตปท.เชื่อมั่นไทยเด่น             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงเทพ
โฮมเพจ บลจ. เอ็มเอฟซี

   
search resources

ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.
เอ็มเอฟซี, บลจ.
ชาติศิริ โสภณพนิช
ศุภวุฒิ สายเชื้อ
ณรงค์ชัย อัครเศรณี
ชาตรี โสภณพนิช




"ชาตรี โสภณพนิช-ณรงค์ชัย อัครเศรณี" ประสานเสียงชูเศรษฐกิจไทยแกร่ง เจ้าสัวเผยต่างประเทศยังเชื่อมั่นศักยภาพการทำธุรกิจในไทย ชูเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่ดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค คาดราคาน้ำมันเป็นปัจจัยเสี่ยงชั่วคราวเท่านั้น เชื่อมือรัฐบาลสามารถรับสถานการณ์ได้ ขณะที่ "ชาติศิริ" ย้ำไม่ปรับเป้าหมายธุรกิจแม้รัฐบาลปรับลดจีดีพี แนวโน้มดอกเบี้ยยังทรงตัวในครึ่งปีหลัง ด้าน "ศุภวุฒิ สายเชื้อ" คาดดอกเบี้ย จะขยับขึ้น 1% ภายในเวลา 18 เดือน แนะจับตา ธปท. อาจขึ้นดอกเบี้ย สกัดปัญหาเงินเฟ้อ

นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างประเทศยังให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นฐาน เศรษฐกิจของไทยโดยรวมยังอยู่ในระดับดีอยู่ ถึงแม้ว่าปัจจัยเสี่ยงของพื้นฐานเศรษฐกิจไทยในระยะนี้จะได้รับผลกระทบจากระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอยู่ก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

"ตอนนี้ก็หวังว่าระดับราคาน้ำมันนั้นจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากประเทศไทยก็มีการปรับตัวรองรับกับสถานการณ์ต่างๆ ได้แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ทั้งนี้เป็นผลมาจากไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดี" ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ กล่าว

นายชาตรี กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นนั้นก่อให้เกิดความเสียหายหลายอย่าง แต่เชื่อว่า ระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นในขณะนี้จะเป็นภาวะชั่วคราวมากกว่า เพราะทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รัฐบาลมีเงินชดเชยในเรื่องนี้ แต่รัฐบาลก็มีเม็ดเงินจำกัด ไม่สามารถที่จะเข้ามาพยุงราคาน้ำมันได้ตลอดไป ในขณะนี้เชื่อว่ารัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างหามาตรการควบคุมการใช้น้ำมัน เพื่อไม่ให้มีการ นำเข้าน้ำมันในปริมาณที่มากเกินไป ซึ่งถือว่าเป็นกลไกชนิดหนึ่งในการควบคุมการใช้น้ำมัน

"ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตเพิ่ม สำหรับในส่วนของภาคธุรกิจธนาคาร ก็ไม่อยากเห็นราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น หากราคาน้ำมันยังขึ้นอย่างต่อเนื่องจะทำให้ลูกค้าของธนาคารมีปัญหา แต่ก็ถือว่าดีใจที่รัฐบาลชุดนี้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง และอยากให้รักษาอย่างนี้ต่อไป" นายชาตรีกล่าว

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า สำหรับการปรับเป้าจีดีพีลงของสภาพัฒน์ฯนั้น ในส่วนของธนาคารกรุงเทพ ยังไม่มีการปรับเป้าหมายการทำธุรกิจ โดยเชื่อมั่นว่าเป้าหมายที่วางไว้ จะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายทุกอย่างรวมถึงเป้าการปล่อยสินเชื่อด้วย ส่วนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดนั้นยังไม่มีความกังวลแต่อย่างใด ส่วนอัตราดอกเบี้ยเชื่อว่าครึ่งปีหลังจะปรับขึ้นเฉพาะดอกเบี้ยระยะยาว ประเภทตราสารหนี้และพันธบัตร แต่ดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงภายในปีนี้แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศจะปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม

ด้านนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่าจะมีการขยายตัวในเกณฑ์ดีขึ้น เนื่องจากไทยอยู่ในช่วงของเศรษฐกิจการลงทุนรอบใหม่ มีการลงทุนและการใช้จ่ายจากภาคเอกชนมาก ซึ่งต่างจากเศรษฐกิจในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ที่เศรษฐกิจจะต้องมีการขยายตัวจากการผลักดันการลงทุนของภาครัฐบาล

ดังนั้น จึงเชื่อว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะโตได้ในอัตรา 6% สำหรับการคาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 7% นั้นคาดว่าเป็นไปได้ยากเนื่องจากยังมีความเสี่ยงทั้งจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ยังมีการขาดดุลการค้าและราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนความเสี่ยงที่คาดการณ์ไม่ได้

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อในประเทศก็น่าจะอยู่ในระดับ 2-3% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้น่าจะเกินดุลไม่เกิน 5,000 ล้านบาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยของไทยในปีนี้คาดว่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากสภาพคล่องในระบบที่มีมาก ถึง 6.47 แสนล้านบาท ดังนั้นต้องรอให้ดุลบัญชีเดินสะพัดสมดุลก่อนจึงจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด กล่าวเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศว่าบล.ภัทร ยังยืนยันว่ามีแนวโน้มปรับขึ้นใน ช่วงครึ่งหลังของปีนี้แน่นอน โดยเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศจะปรับขึ้นประมาณ ร้อยละ 1 ภายในระยะเวลา 18 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นกับสภาพคล่องภายในประเทศ และอัตราเงินเฟ้อในประเทศ โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2.5% ภายใน 18 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงทิศทางดอกเบี้ยโลกและอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มอยู่ในขาขึ้น เนื่องจากหากอัตราดอกเบี้ยในประเทศไม่ปรับขึ้น จะมีผลทำให้เงินทุนไหลออกนอกประเทศ เพื่อไปหาผลตอบแทนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯที่สูงกว่า

คาดว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ มีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.25% แต่ไม่ถึง 0.5% แน่นอน และอาจจะเป็นการทยอยปรับตัวขึ้นอีกหลายครั้ง คาดว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯจะปรับขึ้นประมาณ 0.75-1% ภายในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มจากร้อยละ 1 ในปัจจุบัน เป็น 3% ภายในปลายปี 2548 เพื่อให้เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ หากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดก็ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดมากนัก เนื่องจากนักลงทุนได้ซึมซับข่าวไปบ้างแล้ว

นอกจากนี้ นายศุภวุฒิยังแนะให้นักลงทุนติดตามการส่งสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)อย่างใกล้ชิด เนื่องจาก ธปท.เป็นผู้มีข้อมูลและทราบตัวเลขการไหลเข้าออกของเงินทุน ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งล่าสุด ธปท.ได้ระบุว่ามีความห่วงใยต่ออัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us