"บัตรกรุงไทย" เล็งดึงลูกค้าบัตรเอทีเอ็มจากแบงก์กรุงไทย 6 ล้านราย ขยายฐานลูกค้าพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น
ชี้ตลาดบัตรเดบิตมีอนาคตเติบโตในอัตราสูง หวังดันบัตร VISA ELECTRON MINI และสิทธิประโยชน์ที่
เหมือนบัตรเครดิตดูดลูกค้าเข้าพอร์ตกว่า 3.5 ล้านราย
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
หรือ KTC เปิดเผยว่า ในขณะนี้บริษัทได้อยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารกรุงไทย (KTB)เพื่อดึงลูกค้าของธนาคารที่ใช้บริการบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิต
(VISA ELECTRON) ของธนาคารกรุงไทยมาบริหารงานโดยเคทีซี โดยในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้ระหว่างการซื้อพอร์ตลูกค้าทั้งหมดออกมา
หรือการนำพอร์ตทั้งหมดมา บริหารโดยเคทีซี ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปและดำเนินการตามแผนงานได้ภายในสิ้นปีนี้
ในปัจจุบันธนาคารกรุงไทยมีลูกค้าที่ใช้บริการบัตรเอทีเอ็มประมาณ 6,000,000 ราย
ซึ่งมีลูกค้าประมาณ 2-3 ล้านราย จากจำนวนทั้งหมดนี้เป็นกลุ่มที่มีความเหมาะสมสำหรับนำมาพัฒนาเป็นบัตรเดบิต
VISA ELECTRON โดยในขณะนี้บริษัทกำลังศึกษาฐานข้อมูลและแยกประเภทของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวว่าเป็นกลุ่มอายุเท่าไร
มีความต้องการในชีวิตประจำวันด้านใดบ้าง
"เคทีซีจะแบ่งกลุ่มลูกค้าที่ใช้บัตรเดบิต VISA ELECTRON ออกเป็นกลุ่มๆ ตามไลฟ์สไตล์
โดยที่แต่ละกลุ่มจะมีลักษณะเดียวกับบัตรเครดิตเคทีซี รวมถึงจะมีการออกบัตรเดบิต
VISA ELECTRON MINI ด้วยและให้สิทธิเหมือนกับบัตรเครดิตที่เคทีซีทำอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้บัตรเดบิตจำนวนประมาณ 3.5 ล้านใบเป็นบัตรที่มีการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ"
นายนิวัตต์กล่าว
นายนิวัตต์ กล่าวว่า จากที่เคทีซีได้ศึกษาข้อมูลในเบื้องต้นแล้วพบว่า ตลาดบัตรเดบิตยังเป็นตลาดที่มีอนาคตและมีอัตราการเติบโตสูง
โดยจะเห็นได้จากอัตราการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต VISA ELECTRON ซึ่งไม่นับรวมการกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ
3,500 บาทต่อบัตรต่อเดือน บริษัทจึงเล็งเห็นช่องทางการเติบโตของธุรกิจนี้
ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวของธุรกิจบัตรเดบิตมีแนวโน้มเติบโตสูง เนื่องจากยังมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถสมัครบัตรเครดิตได้
เนื่องจากรายได้ต่อเดือนต่ำกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำหนด และบัตรเดบิตสามารถใช้รูดผ่านเครื่อง
EDC (Electronic Data Capture) เช่นเดียวกับบัตรเครดิต นับว่าเป็นแนวโน้มที่ดีต่อระบบการ
เงินของประเทศไทย เนื่องจากไม่ต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมาก ป้องกันการโจรกรรมและช่วยลดปัญหาสังคมได้
"เคทีซีไม่ได้มุ่งหวังรายได้จากตลาดบัตรเดบิตมากนัก เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบัตรเดบิตจะมาจากค่าธรรมเนียมจากร้านค้าเท่านั้น
และลูกค้าที่ถือบัตรเดบิตนั้นคือคนที่ยังไม่สามารถถือบัตรเครดิตได้ ทั้งนี้ทางเคทีซีหวังว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นจุดเชื่อมต่อไปสู่การใช้
บริการทางการเงินอื่นๆ ของเคทีซี และบริษัท เองจะร่วมมือกับพันธมิตร เช่น ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อพัฒนา
Content ที่เหมาะสมและสะดวกในการใช้จ่ายผ่านบัตร หรืออาจรวมไปถึงการฝังไมโครชิปลงในบัตรเพื่อใช้เป็นบัตรนักเรียน
นักศึกษาของสถาบันต่างๆ เพื่อใช้ร่วมกับการบริการต่างๆ ของสถาบันนั้นๆ ด้วย" นายนิวัตต์กล่าว