Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน14 มิถุนายน 2547
ทศทรื้อสัญญาสามารถเอาเปรียบ "ไทยโมบาย"             
 


   
www resources

โฮมเพจ กสท โทรคมนาคม
โฮมเพจ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย

   
search resources

กสท โทรคมนาคม, บมจ.
ทศท คอร์ปอเรชั่น
สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์
วาสุกรี กล้าไพรี
Mobile Phone




ทศทเตรียมรื้อสัญญาสามารถ กรณีให้บริการบิลลิ่งคอลเซ็นเตอร์กับไทยโมบาย อ้างสัญญาไม่เป็นธรรม หลังพบอาการไทยโมบายโคม่าเลือดไหลไม่หยุด รายได้ติดลบไม่พอจ่ายสามารถ เตรียมประชุมบอร์ดปลายเดือนแปลงหนี้เป็นทุนลดหุ้น กสทเหลือต่ำกว่า 25% เพื่ออำนาจบริหารเบ็ดเสร็จ

นายวาสุกรี กล้าไพรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น และผู้จัดการกิจการร่วมค้าไทยโมบาย ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในระบบ 1900 เมกะเฮิรตซ์ กล่าวว่าทศทอยู่ระหว่างการทบทวนสัญญาบริการต่างๆ ที่ทำไว้กับบริษัท สามารถ อี-เทรดดิ้ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนขายและให้บริการโทรศัพท์มือถือไทยโมบาย รวมทั้งให้บริการด้านบิลลิ่งและคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากการทำธุรกิจในความเป็นจริงตามสัญญาที่เคยทำกันไว้นั้นไม่เป็นธรรมกับไทยโมบายในการดำเนินธุรกิจให้สามารถอยู่รอดได้

"ผมกำลังให้ฝ่ายกฎหมายและการเงินของไทยโมบายรวบรวมตัวเลขอยู่ เนื่องจากปัจจุบันฐานะการเงินของกิจการร่วมทุนนี้ถือว่าเลือดไหลไม่หยุด จำเป็นต้องห้ามเลือดก่อน"

ไทยโมบาย ดำเนินงานด้วยการร่วมทุนระหว่าง ทศท ถือหุ้น 58% และบริษัท กสท โทรคมนาคม ถือหุ้น 42% จากการได้รับอนุมัติคลื่นความถี่ร่วมกันระหว่างทศทกับกสท อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานที่ผ่านมามีปัญหาในการดำเนินงานมากเพราะขาดเอกภาพหรือสิทธิ์ขาดในการบริหาร เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงานต้องการที่จะได้บริการนี้ไว้เนื่องจากสามารถพัฒนาไปสู่โทรศัพท์มือถือในยุค 3G ได้

แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีความพยายามให้ กสท ลดหุ้นให้เหลือเพียงส่วนน้อยเพื่อเก็บสิทธิ์ขาดในการบริหารงานให้ทศทแต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ราบรื่น เพราะกสทยื้อที่จะขายหุ้นเพื่อลดสัดส่วนลง

ปัจจุบันลูกค้าที่ใช้บริการของไทยโมบายมีอยู่ในราวเพียง 150,000 รายเท่านั้น จากตัวเลขกระแสเงินสดหมุนเวียนในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ไทยโมบายมีรายได้เพียง 40 ล้านบาท ในขณะที่มีรายจ่ายรวม 68 ล้านบาท โดยรายจ่ายสำคัญประมาณเดือนละกว่า 50 ล้านบาทมาจากการใช้บริการบิลลิ่งและคอลเซ็นเตอร์ของสามารถ โดยเฉพาะคอลเซ็นเตอร์ลูกค้าจะใช้บริการหรือไม่ ก็ต้องจ่ายคงที่ขั้นต่ำให้สามารถ ทั้งนี้รายจ่ายดังกล่าวยังไม่รวมค่าเช่าโครงข่ายจากเอซีที โมบายล์ เดือนละประมาณ 87 ล้านบาท และเงินเดือนพนักงานอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้ฐานะการเงินปัจจุบันไทยโมบายขาดทุนสะสมกว่า 900 ล้านบาท

การทบทวนสัญญาบริการครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากที่นายวาสุกรีได้รับมอบหมายให้มารับผิดชอบ เต็มตัว และกำลังดำเนินการตามนโยบายน.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ที่ต้องการให้กุมอำนาจ บริหารงานเบ็ดเสร็จ โดยในปลายเดือนนี้จะมีการประชุมซูเปอร์บอร์ดไทยโมบาย ซึ่งแนวทางหนึ่งในการกุมอำนาจบริหารที่จะพิจารณาในซูเปอร์บอร์ดคือการเรียกชำระทุนเพิ่มขึ้น

หากกสทไม่ใส่เงินลงมาก็เท่ากับเป็นการลดหุ้นไปในตัวโดยสัดส่วนที่คิดไว้คือไม่เกิน 25% จากปัจจุบันที่กิจการร่วมค้าไทยโมบายมีทุนจดทะเบียนประมาณ 3,000 ล้านบาทแต่เรียกชำระประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยยังไม่คิดรวมถึงการที่ทศทออกเงินล่วง หน้าในส่วนของโครงการแลกเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทศทต้องส่งให้ลูกค้าที่ต้องการแลกเงินประกันเป็นเครื่องไทยโมบายอีกเกือบ 1,000 ล้านบาทจำนวนทั้งหมดเกือบ 300,000 เครื่อง ซึ่งกสทยังไม่ใส่เงินลงมาก็เท่ากับถือเป็นการลดหุ้นลงไปแล้ว

นายวาสุกรี กล่าวว่า ไทยโมบายจะต้องมีการปรับโครงสร้างบริหารใหม่ เลิกการมีรองผู้จัดการ 2 คน ลดขั้นตอนสายการบังคับบัญชา ทำให้แบนราบมากขึ้นเพื่อให้เป้าหมายหรือนโยบายส่งตรงถึงระดับปฏิบัติการโดยเร็ว รวมทั้งเรื่องรูปแบบการรายงานต่างๆ ซึ่งต่อไปจะยึดแนวทางทศทเป็นหลัก ส่วนแนวทางพัฒนา 3G ของไทยโมบายอาจต้องดูแนวทางประเทศจีนมาพิจารณาประกอบกัน เนื่องจากมีขนาดของตลาดที่ใหญ่จะทำให้ต้นทุนเรื่องโครงข่ายและโทรศัพท์มือถือมีราคาไม่สูงนัก

แต่ในขณะที่ยังให้บริการ 2G อยู่จำเป็นต้องคำนึงถึงการใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก ในตึกไหนใช้ไม่ได้จำเป็นต้องเพิ่มอุปกรณ์ก็ต้องทำ แต่ทำด้วยจำนวนที่พอเหมาะพอสม ไม่ใช่ขยายด้วยการใช้เงินจำนวนมาก

"ที่ผ่านมาทำอะไรก็จะแบ่ง 58/42 ซึ่งไม่เวิร์ก ในเมื่อผมมารับผิดชอบต้อง 100% หมด"

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานบอร์ดทศท กล่าวว่าทศท จะเดินหน้าบริหารไทยโมบาย โดยไม่รอข้อสรุปเรื่องมูลค่าหุ้นที่ทศท ต้องจ่ายให้กับกสทหลังจากที่กสท ยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นจาก 42% เหลือเพียง 5% โดยทศทยอมจ่ายที่ราคา 2,500 ล้านบาท ตามนโยบายของน.พ.สุรพงษ์ แต่กสทยังไม่ให้ข้อสรุปที่ชัดเจนเสียที

ขณะที่ทศทมีแผนชัดเจนว่าต้องการจะปรับภาพไทยโมบายให้มีตำแหน่งการตลาดที่ชัดเจนโดยขณะนี้อยู่ระหว่างปรับแผนธุรกิจใหม่โดยจะจ้างงาน (Outsource) ให้เอกชนมากขึ้น เช่น การติดตามหนี้สินเพราะปัจจุบันถือเป็นปัญหาสำคัญของไทยโมบายเห็นได้จากบิลจากรอบปีที่ผ่านมามีมูลค่า 800 ล้านบาท จากฐานผู้ใช้บริการที่มีกว่า 1.5 แสนราย แต่ไทยโมบายสามารถเรียกเก็บได้เพียง 30% เท่านั้น

"ผมให้แนวทางไปว่าอะไรที่เราทำได้ดีกว่าเอกชนก็ทำ หรือมีเอกชนรายอื่นทำได้ดีกว่าเอกชนรายเดิมที่เราจ้างก็ต้องเปลี่ยน"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us