หุ้นสยามสปอร์ตเคาะราคา 6.10 บาทเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป 50 ล้านหุ้น เตรียมขาย
14-15 มิ.ย. พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ 29 มิ.ย. นี้ ผู้บริหารไม่หวั่นภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนชี้ผลสำรวจของนักลงทุนสถาบันให้ความต้องการล้น 3 เท่าตั้งเป้าปีนี้ผลประกอบการโตเกิน 100%
นายพงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด(มหาชน)
เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (PO) ที่ระดับราคา
หุ้นละ 6.10 บาท โดยนักลงทุนที่จองซื้อจะได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิฟรีในอัตราส่วน
5 หุ้นสามัญต่อ 2 ใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยกำหนดราคาแปลงสภาพของใบสำคัญแสดงสิทธิที่หน่วยละ
5.50 บาท จะเสนอขายภายในวันที่ 14-15 มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ระดับราคาที่กำหนดไว้นั้นมาจากการสำรวจความต้องการซื้อของนักลงทุนสถาบันพบว่ามีความต้องการซื้อมากกว่าจำนวนที่เสนอขายถึง
3 เท่า ดังนั้นถึงแม้ว่าภาวะตลาดหุ้นในขณะนี้จะมีความผันผวนแต่ก็มีความมั่นใจว่าจะ
ไม่กระทบต่อการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้
การที่บริษัทได้ออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 50 ล้านหุ้นจากการที่กำหนดราคาหุ้นละ 6.10
บาท นั้นจะทำให้บริษัทได้รับเงินประมาณ 300 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จะนำไปลงทุนในบริษัทย่อยและใช้คืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินระยะยาวประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินเพิ่มทุนนี้ไปล้างหนี้ให้หมดจะทำให้เหลือแต่หนี้ระยะสั้นเท่านั้น
และสามารถลดภาระดอกเบี้ยจ่ายจากเดิมที่จะต้องจ่ายปีละประมาณ 30 ล้านบาท จะลดเหลือ
10-15 ล้านบาท นอกจากนี้ เงินที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 3 เท่าเหลือ 0.5 เท่า
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งทำให้บริษัทได้รับประโยชน์โดยได้รับการแฮร์คัตหนี้จำนวน
25 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้กำไรในส่วนดังกล่าวภายในไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3
นี้ ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทดีขึ้นและภาระหนี้ลดน้อยลง และคาดว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงิน
ปันผลระหว่างกาลในปีนี้ได้มากกว่าปีก่อน โดยในปี 2546 ที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายเงินปันผล
2 ครั้ง ในจำนวน 14 สตางค์ และ 20 สตางค์รวมทั้งหมด 34 สตางค์
กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าว่าผลการดำเนินงานในปี
2547 นี้จะเติบโตกว่าปีก่อนมากกว่า 100% ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้แล้ว
28 ล้านบาท และคาดว่าภายในปีนี้จะได้รับ ผลดีจากการที่มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร
2004 และกีฬาโอลิมปิกเกมส์ และจากการแข่งขันฟุตบอลของอังกฤษ เยอรมนี และอิตาลีที่มีทุกปีอยู่แล้ว
รวมทั้งยังได้ผลดีจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง
ปัจจุบันบริษัทสยามสปอร์ตเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์กีฬารายใหญ่ในประเทศไทย
มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 90% ของสื่อสิ่งพิมพ์ด้านกีฬา โดยมียอดขายประมาณ 3-5 แสนฉบับต่อวัน
มีสัดส่วนรายได้ 68% จากการขายหนังสือ และอีก 27% จากค่าโฆษณา
นอกจากนี้ บริษัทสยามสปอร์ตยังมีแผนที่จะนำบริษัทสยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหนังสือการ์ตูน
ญี่ปุ่น และพ็อกเกตบุ๊ก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์
กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษา ทางการเงิน โดยบริษัทสยามสปอร์ตถือหุ้น 17 ล้านหุ้นหรือ
13% โดยคาดว่าจะเข้ามาซื้อขายได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ และเมื่อหุ้นเข้ามาซื้อขายแล้ว
บริษัทมีแผนที่จะทยอยขายหุ้นออกมาทั้งหมดหลังจากหมดไซเรนพีเรียดเพราะไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ทางธุรกิจ
นอกจากนั้น ยังมีบริษัทอินสไพร์ฯ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตนิตยสาร FHM และคาวาอิ
รวมถึงจัดงานประกวด Miss teen Thailand ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับด้านบันเทิง โดยบริษัทมีทุนจดทะเบียน
50 ล้านบาท และสยามสปอร์ตถือหุ้น 95% โดยคาดว่าบริษัทอินสไพร์นั้นจะเข้าจดทะเบียนได้ภายในปี
2548 ทั้งนี้บริษัททั้ง 2 ถือได้ว่ามีการขยายตัวต่อเนื่องและมีผลประกอบการที่ดี
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้
จำกัด (มหาชน)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ราคาหุ้นที่กำหนด ไว้ 6.10 บาทนั้นจะมีค่าพี/อี
เรโชประมาณ 11 เท่า ซึ่งถ้าเทียบกับหุ้น ในกลุ่มสิ่งพิมพ์จะมีค่าพี/อี เรโชประมาณ
12-13 เท่า โดยมั่นใจว่าจะเสนอขายได้หมด เพราะราคาที่กำหนดถือว่าเหมาะสมและนักลงทุนยังได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิอีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่าง มาก ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทสยามสปอร์ตจะเข้ามา
ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในวันที่ 29 มิถุนายนนี้