AIT พุ่งทันที 6.48% รับข่าวได้งานเช่าอุปกรณ์ IP Share หรืออินเทอร์เน็ตโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ
มูลค่าโครงการ 425 ล้านบาท ปีนี้มีงานให้ประมูลอีกเพียบ โบรกเกอร์เชียร์ซื้อ มั่นใจบริษัทได้งานที่เหลืออีกแน่
วานนี้ (8 มิถุนายน) หุ้น AIT ของบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด
(มหาชน) ได้เปิดตลาดช่วงเช้าราคาหุ้น AIT วิ่งขึ้นไปอยู่ที่ 29.75 บาท เพิ่มขึ้น
2.75 บาท คิดเป็น 10.18% มูลค่าซื้อขาย 39.18 ล้านบาท และปรับขึ้นไปสูงสุดถึง 30
บาท สวนทางกับภาวะตลาดที่ปรับลดลง ก่อนเปิดตลาดช่วงบ่ายที่ราคา 28 บาท และวิ่งไปที่ราคา
29 บาท บวกเพิ่ม 2 บาท คิดเป็น 7.41% มูลค่าการซื้อขาย 122.97 ล้านบาท ปริมาณการซื้อขาย
4.17 ล้านหุ้น ก่อนปิดตลาดที่ราคา 28.75 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 1 บาท คิดเป็น
6.48% ปริมาณการซื้อขาย 169.58 ล้านบาท
โดย AIT แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าได้รับเลือกจาก บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)
ซึ่งได้เปิดประมูลโครงการเช่าอุปกรณ์ IP Share หรืออินเทอร์เน็ตโรงเรียน เพื่อให้บริการแก่โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
จำนวน 13,464 แห่ง โดยมีระยะเวลาสัญญาเช่า 36 เดือน ในวงเงินรวมทั้งสิ้น 425,933,640
บาท
โดยมีกำหนดให้ติดตั้งแล้วเสร็จภายใน 120 วัน หลังจากวันที่ลงนามในสัญญา ซึ่งโครงการนี้
บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้พิจารณาคัดเลือก AIT เป็นผู้ชนะการประกวดราคา
ขณะนี้ยังไม่ได้มีการทำสัญญาเช่าอย่างเป็นทางการ
สำหรับผลการดำเนินงานปี 47 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานโต 7% ขณะที่เป้าการเติบโตของรายได้อยู่ที่
20% คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 2 พันล้านบาท เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมไอซีที ที่มีมูลค่าตลาดโตขึ้น
ประมาณ 25% หรือ 9.9 หมื่นล้านบาท จากปี 46 ที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 7.9 หมื่นล้านบาท
โดยรัฐบาลมีโครงการไอซีทีขนาดใหญ่ออกมาจำนวนหลายโครงการและ AIT ก็มีงานประมูลในมือทั้งที่ยื่นประมูลแล้ว
และยังกำลังจะยื่นประมูล รวมแล้วมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปีนี้
รายได้จากการประมูลโครงการจะมีเข้ามาประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้ที่ต่อเนื่องมาจากปีก่อน
300 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการระบบเครือข่ายเพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท
โดยอายุโครงการ 3 ปี และบริษัทคาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้จากโครงการนี้กว่า 400
ล้านบาท และยังมีโครงการจีไอเอส ของ บมจ.ทศท คอร์ปอเรชั่น มูลค่า 1,500 ล้านบาท
ซึ่งที่ผ่านมา AIT เป็นผู้ได้รับการประมูลมาโดยตลอด และคาดว่าในปีนี้จะได้รับพิจารณาให้เป็นผู้วางระบบโครงการดังกล่าว
ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้จากโครงการนี้ 500 ล้านบาท ขณะที่หวยออนไลน์ที่เพิ่งเปิดประมูลนั้น
ยังไม่สรุปออกมา
บทวิเคราะห์จาก บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า AIT มีรายได้มาจาก 3 ธุรกิจคือออกแบบและรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(System Integrator: SI) ให้เช่าระบบสารสนเทศ (Outsourcing Ser vice) บริการด้านซ่อมและบำรุงรักษา
(Maintenance Service) และ พัฒนาโปรแกรมระบบงาน (Application Software Development)
ทั้งนี้รายได้หลักในปี 2547 ยังคงมาจากธุรกิจ SI เนื่องจากบริษัทมีจุดแข็งด้าน
SI ในตลาดสื่อสารโทรคมนาคม โดยมีลูกค้าหลักคือ ทศท และ กสท ซึ่งรายได้ในปีนี้จากลูกค้าหลัก
2 รายดังกล่าวไม่น่าจะต่ำกว่าปีก่อน
นอกจากนี้ รายได้จากการให้เช่าระบบสารสนเทศมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทต่างๆ
เริ่มหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น สำหรับรายได้จากการซ่อมบำรุงแม้ว่ายังมีสัดส่วนไม่มากนักในปัจจุบันแต่บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงทีมงาน
ทั้งนี้ ในปี 2547 AIT มีงานในมือแล้วประมาณ 300-400 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้
และมีงานโครงการใหญ่อีกหลายโครงการที่เข้าร่วมประมูล ทั้งนี้บริษัทได้ร่วมยื่นซองประมูลโครงการโทรศัพท์พื้นฐาน
5.6 แสนเลขหมาย ส่วนโครงการหวยออนไลน์อยู่ระหว่างรอประกวดราคาใหม่
คาดรายได้ AIT ปีนี้สูงกว่า 2 พันล้านบาท ตามการเติบโตของตลาดรวมด้าน ICT ที่คาดว่าจะขยายตัว
25% เป็น 99,012 ล้านบาทในปี 2547 โดยกลุ่มที่มีค่าใช้จ่ายด้านการพัฒนาระบบสูงสุดคือกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมประมาณ
18 พันล้านบาทหรือเท่ากับ 18% ของมูลค่าตลาดรวม ประเมินราคา AIT เมื่อใช้ PER 14-15
เท่า (ใช้ PER ระดับเดียวกับ IRCP แต่ต่ำกว่า MFEC ซึ่งใช้ PER ที่ 17-18 เท่า)
จะได้ราคาที่เหมาะสมของ AIT ที่ 49-52 บาท แนะนำ "ซื้อ"
บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์หุ้น AIT โดยระบุว่า แนวโน้ม
AIT ในปีนี้ คาดหมายว่าจะมีแนวโน้มเติบโตที่พุ่งขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 3-4 ซึ่งเป็นช่วงที่รับรู้รายได้ของงานโครงการต่าง
ๆ
สำหรับโครงการต่างๆ ในปี 2547 มีโครงการต่างๆ หลายโครง การที่บริษัทมีศักยภาพที่จะเข้า
ร่วมประมูล และได้งาน ซึ่งลูกค้าหลักยังคงเป็น บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)
และ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เพราะเป็นงานที่ AIT ถนัด และมีโอกาสได้งานมากกว่ารายอื่นๆ
ซึ่งจะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 60% ในปีนี้
โดยงานที่รอให้ประมูลยังมีอีกมาก เช่น โครงการขยายโทรศัพท์พื้นฐาน 5.6 แสนเลขหมาย
คาดจะสร้างรายได้ต่อบริษัทฯ ประมาณ 700-800 ล้านบาท โครงการติดตั้งระบบ GIS (Geographical
Information System) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และติดตั้งระบบการชำระเงินมูลค่าโครงการ
2,000 ล้านบาท ตลอดจนงานประมูลระบบบัญชีการเงินของกระทรวงสาธารณสุขมูลค่า 900 ล้านบาท
เป็นต้น
ทำให้คาดว่าปีนี้ บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมกับงานในมือเมื่อปี 46 ที่จะรับรู้เข้ามาด้วยทำให้กำไรจากการดำเนินงานและกำไรต่อหุ้นพุ่งไปเกือบ
20% กิมเอ็ง จึงประเมินราคาซื้อขาย P/E ปี 2547 เท่ากับ 7.1 เท่า, EV/EBITDA 4.1
เท่า, P/BV 1.6 เท่า และ บริษัทยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง คือ มีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ
ซึ่งได้ประเมินราคาเหมาะสมเท่ากับ 56 บาท โดยตั้งบนฐาน P/E ปี 2547 เท่ากับ 15
เท่า จึงแนะนำ "ซื้อ"