"วิชัย" เผย อีจีวีจะเปิดโฉมหน้าพันธมิตรใหม่ในสัปดาห์หน้า แง้มเป็นบริษัทในประเทศที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
นอกจากนั้นเตรียมเสนอผู้ถือหุ้นปรับราคาเสนอขาย จากเดิมที่กำหนด 8.37 บาท เปลี่ยนเป็นตามราคาตลาดในกระดาน
โดยล่าสุด EGV ปิดที่ 6.75 บาท
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด(มหาชน)
เปิดเผยว่า คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าบริษัทจะสามารถได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจงที่จะเข้ามาถือหุ้นของบริษัทได้
โดยเป็นบริษัทในประเทศซึ่งไม่ใช่สถาบันการเงิน และเป็นบริษัทที่สามารถเกื้อหนุนธุรกิจโรงภาพยนตร์
ก่อนหน้านี้ บริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ได้ออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 115 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจง โดยที่ผ่านมาได้มีการแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่จะหาพันธมิตรเข้าถือหุ้น
โดยพันธมิตรที่จะเข้ามาถือหุ้นนั้นจะเป็นนักลงทุนระยะยาวและมีความแข็งแกร่งทางการเงินที่จะสนับสนุนการเจริญเติบโตของบริษัทได้ในอนาคต
นายวิชัย กล่าวว่า ภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2547 นี้บริษัทจะจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2547
ซึ่งจะเสนอขอมติจากผู้ถือหุ้นให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับพันธมิตรที่เข้ามาถือหุ้น รวมถึงจะมีการปรับเปลี่ยนราคาหุ้นที่จะเสนอขายให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจงจากเดิมที่กำหนดราคาหุ้นละ
8.37 บาท จะปรับเปลี่ยนเป็นราคาตลาด โดยจะคำนวณราคาเฉลี่ยย้อนหลังในเวลาไม่เกิน
21 วัน
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรกของบริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์
ประกอบด้วย เอนสเดล เทรดดิ้ง ลิมิเต็ด 34.62%, บริษัท โฟกัส โกลบอล จำกัด 26.92%,
นายเจริญ พูลวรลักษณ์ 7.69%, นายวิชัย พูลวรลักษณ์ 3.46% และนายชาลี วลัยเสถียร
1.54%
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทอีจีวี ในงวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2547
ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 19.19 ล้านบาทกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
10.48 ล้านบาท ส่วนในงวด 9 เดือนปรากฏว่าในปี 2547 มีกำไรสุทธิ 52.96 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ
12.85 ล้านบาท
ราคาหุ้นบริษัทอีจีวี เมื่อวานนี้(7 มิ.ย.) ปิดที่ระดับ 6.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.35
บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37.03 ล้านบาท
ด้านบล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (AYS) ได้เคยออกบทวิเคราะห์หุ้น EGV หลังพบกำไร 3Q47
ต่ำกว่าที่คาด ดังนั้น จึงปรับประมาณกำไรปี 47 ลดลงเป็น 85 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น
0.33 บาท ส่วนปี 2548 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นเป็น 102 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าจะเปิดสาขาอีก
1 แห่ง และรับรู้รายได้จาก Metropolis เต็มที่ โดยมีกำไรต่อหุ้น 0.39 บาท P/E 13.7
เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม จึงแนะนำ "ซื้อสะสม" โดยมีราคาเป้าหมาย 6.30 บาท
บทวิเคราะห์ระบุว่า ประเด็นสำคัญ คือ ผลประกอบการ 1Q47 มีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท
ลดลง 32% QoQ ต่ำกว่าที่คาด โดยมีรายได้ 312 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย
แม้ว่าจะมีโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น 1 สาขา (Metropolis) โดยมีรายได้จากตั๋วภาพยนตร์ลดลง
12%QoQ Revenue Per Screen อยู่ที่ 3.2 ล้านบาท ลดลง 9%QoQ เนื่องจากภาพยนตร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้รับความนิยมในไตรมาสนี้
ส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ รายได้จากโฆษณา ซึ่งเพิ่มขึ้น 24% QoQ และ
190% YoY เนื่องจากการขยายสาขา และการเติบโตของการใช้จ่ายโฆษณาผ่านสื่อโรงภาพยนตร์
และรายได้ค่าเช่าพื้นที่ เพิ่มขึ้น 23%QoQ