Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2542
ปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์             
 

   
related stories

แปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรี ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม

   
search resources

ราชบุรีโฮลดิ้ง
ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์




"หากนโยบายรัฐบาลยังไม่เปลี่ยน ก็ต้องทำอย่างนั้น" คคลซึ่งอยู่ในกระแสความขัดแย้งเรื่องการแปรรูป รัฐวิสาหกิจมากที่สุดคนหนึ่ง แม้ภารกิจของเขายากลำบากและน่าเหน็ดเหนื่อยมากเพียงใด แต่เขาก็ยอมรับและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัด

ทัศนะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของเขาปรากฏออกมาชัดเจน ในเรื่องการลดทอนสัดส่วนการถือหุ้น ของทางการลง และขายหุ้นเหล่านั้นให้แก่พันธมิตรร่วมทุน ซึ่งในยามวิกฤติเศรษฐกิจ เขาเห็นว่าควรขายให้นักลงทุนต่างชาติซึ่งมีกำลังซื้อที่ดีกว่าในประเทศ

ปิยสวัสดิ์เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่าในเดือนธันวาคมนี้จะมีการเปลี่ยนโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ ซึ่งภาพโดยรวมแล้วอัตราค่าไฟฟ้าจะลดลงจากเดิมประมาณ 2% (ล่าสุดเลื่อนการใช้ออกไปเป็นเดือนก.พ. 2543 และก็มีการเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดอีก) การเปลี่ยนโครงสร้างใหม่นี้รวมถึงเรื่องการแปรรูปด้วย เพราะการกำหนดค่าไฟตอนนี้หลักการอันหนึ่งที่สพช.ยึดถือมาโดยตลอด คือ ต้องให้ฐานะการเงินของการไฟฟ้าทั้งสามแห่ง มีความมั่นคงเพียงพอ โดยผู้ให้กู้ก็กำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับฐานะการเงินที่สำคัญๆ เอาไว้ 2 เรื่องคือ

- self financing ratio หรือ SFR คือ รายได้ที่จะนำมาสมทบในการลงทุน หมายความว่าหากมีการลงทุนใหม่ 100 บาท ต้องมีรายได้มาสมทบอย่างน้อย 25 บาท และไปกู้ไม่เกิน 75 บาท

- มีความสามารถในการชำระหนี้เพียงพอ วัดด้วยตัว debt service covered ratio จะต้องไม่ต่ำกว่า 1.3

ทีนี้ปัญหาของการไฟฟ้าฯ ขณะนี้ โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็คือ มีกำไร ผลตอบแทนต่อทรัพย์สินก็อยู่ในระดับที่พอใช้ได้ แต่กำไรเมื่อหักการชำระเงินต้นแล้ว กลับไม่มีเหลือไปสมทบการลงทุน เพราะฉะนั้นฐานะการเงินก็เลยไม่ดีเพียงพอ

วิธีการแก้ไขก็มีหลายวิธีการ แต่วิธีการหลักที่ใช้ในสมัยก่อนก็คือขึ้นค่าไฟฟ้า แต่ถ้าเผื่อกฟผ.ไปขึ้นค่าไฟฟ้า มันก็ไม่เป็นธรรมสำหรับผู้บริโภคเพราะว่ากำไรมี

ไพร้ซวอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาในเรื่องนี้ก็ถูกว่าจ้างให้มาศึกษาว่ามีวิธีการไหน ก็พบว่ามันก็พอจะหาวิธีการอื่นได้โดยไม่ขึ้นค่าไฟ ดังนั้นค่าไฟที่เสนอมาว่าอาจจะลดได้ 2% นี่ก็มีเงื่อนไขว่าจะต้องมีการดำเนินงาน 4 เรื่องเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายนั้น :-

เรื่องแรกคือ ต้องมีการแปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรี

เรื่องสอง เงินที่ได้จากการแปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรีนี้ ขอไม่นำส่งคลัง ขอให้กฟผ.เก็บไว้ใช้ทั้งหมด เพื่อไว้ใช้ลดภาระหนี้สินของกฟผ.

เรื่องที่สาม ต้องมีการลดการลงทุนในระบบสายส่งและสายจำหน่ายลงบ้างเล็กน้อย ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ชะลอลง

เรื่องที่สี่ ต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า ในการส่งไฟฟ้า และในสายจำหน่ายไฟฟ้า โดยในการผลิตไฟฟ้าให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพ 5.8% ต่อปี ในกิจการส่งไฟฟ้าให้ปรับปรุงประสิทธิภาพ 2.6% ต่อปี และในกิจการจำหน่ายไฟฟ้าให้ปรับปรุงประสิทธิภาพ 5.1% ต่อปี

อันนี้เป็นสี่ข้อที่ต้องทำ หากทำอย่างนี้ได้ ค่าไฟฟ้าก็จะลดลงได้

ทั้งนี้ตัวเลขประสิทธิภาพเป็นตัวเลขที่ศึกษาไว้เมื่อปีที่แล้ว โดยที่ปรึกษาอีกชุดหนึ่งของกฟผ. ที่ปรึกษาชุดนี้ไปดูจากประสิทธิภาพของกฟผ., กฟภ. และกฟน.ในขณะ นี้แล้วเอามาเปรียบเทียบกับในประเทศอื่น และดูว่าที่ผ่านมามีการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างไร

ในที่สุดก็ได้พบว่าที่ผ่านมา ทั้งสามกิจการไฟฟ้าก็ปรับปรุงประสิทธิภาพของตนเองขึ้นพอสมควรในแต่ละปี (ความจริงอัตราที่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมีมากกว่านี้) แต่บางช่วงค่อนข้างสูง แต่ถึงแม้จะปรับปรุงขึ้นมาแล้ว ก็ยังมีประสิทธิภาพไม่ค่อยสูงนักเมื่อเทียบกับกิจการไฟฟ้าในหลายแห่ง ดังนั้นหนทางที่จะปรับปรุงต่อไปมันก็มีความเป็นไปได้ ดังนั้นจึงได้มีการเสนอตัวเลขชุดนี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นตัวเลขชุดนี้อันที่จริงได้มีการประชุมกับการไฟฟ้า และได้มีการตกลงกันตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วด้วยซ้ำว่าเป็นตัวเลขเป้าหมายที่น่าจะใช้ได้

"เพียงแต่ในขณะนี้พอจะเอามาเป็นเงื่อนไขในการกำหนดค่าไฟ การไฟฟ้าก็เลยไม่ใคร่จะชอบเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าในที่สุดแล้วผมว่าก็คงจะยอมรับ แม้ว่าจะไม่ใคร่ชอบก็ตาม" ปิยสวัสดิ์ให้ความเห็น

กฟผ.ต้องดำเนินการแก้ไข 4 ข้อตามที่ไพร้ซฯ บอก ซึ่งหากลดเงินนำส่งคลัง มันก็ช่วยด้วย ตอนที่สพช.ทำข้อเสนอการแปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรี เดิมทีเดียวที่เสนอไปที่รัฐบาล ข้อเสนออันหนึ่งคือขอไม่นำส่งเงินที่ได้จากการแปรรูปราชบุรีให้กระทรวงการคลัง เพราะว่ากฟผ.ก็มีปัญหาทางการเงิน ก็ต้องการที่จะเก็บเงินนี้เอาไว้ใช้ในกฟผ. แต่ข้อเสนอส่วนนี้เป็นส่วนเดียวที่ไม่ผ่าน โดยที่มีมติว่าให้มาตกลงกันอีกทีหนึ่งระหว่าง กฟผ. สพช.และกระทรวงการคลัง มันก็เลยยังค้างอยู่ และก็เลยทำให้เกิดประเด็นปัญหาว่าพนักงานกฟผ.ก็มีความวิตกว่าแปรรูปแล้วต้องเอาเงินนำส่งคลัง มันก็น่าเห็นใจเพราะว่ามันเป็นทรัพย์สมบัติของกฟผ. หากแปรรูปแล้วกระทรวงการคลังเอาไปเยอะนี่เงินจำนวนนั้นมันก็ไม่เหลือเอาไว้ใช้ในกิจการกฟผ. ซึ่งก็มีปัญหาทางการเงินอยู่

แนวทางล่าสุด รมต.สาวิตต์ได้พูดออกมาชัดเจนและสั่งออกมาชัดเจนแล้วว่าจุดยืนของสพช.คือไม่ส่งคลัง ก็จะขอเจรจาว่าจะไม่ส่งคลัง แต่ว่าตามขั้นตอน ต้องมีการประชุมกันอีกทีอย่างเป็นทางการ ระหว่างกระทรวงการคลัง สพช.และกฟผ. เพื่อตกลงกันให้ชัดเจน และนำเสนอครม.

นับเป็นท่าทีประนีประนอมอย่างยิ่งหลังเหตุการณ์ม็อบกฟผ.

ปิยสวัสดิ์เข้าใจว่า "เรื่องราชบุรีนี่ผมว่าน่าจะเห็นภาพชัดเจนว่ามันจะเดินต่อไปอย่างไรในเร็วๆ นี้หมาย ความว่าจริงๆ แล้ว ผู้บริหารกฟผ.ขอเวลา 3 เดือนในการ ทำความเข้าใจ ซึ่งก็ครบแล้ว มันก็น่าจะมีอะไรที่จะแสดงให้เห็นว่างานเรื่องการแปรรูปจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรในเร็วๆ นี้ คืองานแปรรูปเดินต่อไปก็ต่อเมื่อมีการจ้างที่ปรึกษาการเงินที่จะให้ทำรายละเอียดในการดำเนินงาน และมีการตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ตามมติครม. มันมีกำหนดอยู่แล้วว่าต้องมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินงานในเรื่องนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินนี่ผมเข้าใจว่ากฟผ.คัดเลือกได้แล้ว แต่ยังไม่มีการเซ็นสัญญา"

"ผมเข้าใจว่าโรงราชบุรีไม่ใช่แอนเดอร์สันฯ แต่เป็นชุดเดิมคือเลห์แมนฯ ไคล์นเวิร์ดฯ และไทยพาณิชย์ ที่คัดเลือกแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา"

ปิยสวัสดิ์ยอมรับว่า "ปัญหาที่หนักมากของกฟผ. ก็คือปัญหาเรื่อง cash flow ในขณะนี้ เพราะฉะนั้นการแปรรูปราชบุรีจะเป็นวิธีการที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่อง cash flow ได้มาก แต่ขณะเดียวกันการแปรรูปราชบุรีก็เป็นขั้นตอนหนึ่งเท่านั้นของการที่จะแปรรูปกิจการไฟฟ้าต่อไปในอนาคต ซึ่งรัฐบาลต้องการให้ผู้บริโภคมีทางเลือก ไม่จำเป็นต้องซื้อไฟฟ้าจาก กฟภ. หรือกฟน. ต้องการให้มีการแข่งขันในการผลิตไฟฟ้า"

เพราะฉะนั้นในระยะยาวแล้ว มันหนีไม่พ้นที่จะต้องแยกระหว่างกิจการผลิตไฟฟ้า กับกิจการสายส่งไฟฟ้า ออกจากกัน การแปรรูปราชบุรีเป็นขั้นตอนแรกในการที่จะเพิ่มการแข่งขันในกิจการผลิตไฟฟ้า ถ้าเผื่อเราให้ผู้บริโภคมีทางเลือก ไม่ต้องซื้อจากกฟภ.หรือ กฟน. และก็มีการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าขึ้นมา การแข่งขันในการขายไฟให้ผู้บริโภค มันจะมากจะน้อยแค่ไหน มันขึ้นอยู่ว่า ในการผลิตไฟฟ้ามีการแข่งขันมากน้อยแค่ไหน หากมีผู้จำหน่ายไฟฟ้าหลายรายมาแข่งกันขายไฟฟ้าให้กับผู้บริโภค แต่ไฟฟ้ามาจากโรงไฟฟ้าซึ่งการแข่งขันมีไม่มาก ผู้บริโภคก็จะไม่ได้รับประโยชน์เท่าไหร่จากการแข่งขันนี้ ปลายทางมันแข่งขันแต่ต้นทางมันผูกขาด ดังนั้นมันจึงสำคัญที่จะต้องเพิ่มการแข่งขันในการผลิตไฟฟ้าในระดับซึ่งเป็นขั้นต้น ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะทำให้เกิดการผูกขาดไปตลอดจนถึงตอนปลาย

ดังนั้นการที่จะแยกกิจการผลิตไฟฟ้าออกจากสายส่งจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น และในการแยกนั้นจะแยกเป็นบริษัทใหญ่บริษัทเดียวก็จะไม่ได้ หากเราไม่แยกกิจการผลิตไฟฟ้าของกฟผ.ออกจากกันเลย คือไม่ได้แปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรี แต่เก็บโรงไฟฟ้าทั้งหมดไว้ในบริษัทเดียว กำลังการผลิตของบริษัทนี้จะสูงถึง 50% ที่เหลือก็จะเป็นพวก EGCO IPP SPP 50% นี่ค่อนข้างสูง อำนาจเหนือตลาดนี่สูงมาก เพราะฉะนั้นในส่วนของกฟผ. จึงจำเป็นที่จะต้องแยกออกเป็นหลายบริษัท

ที่กฟผ.เสนอมานี่เป็น 4 กลุ่ม คือราชบุรีกลุ่มหนึ่ง โรงไฟฟ้าพลังความร้อนอีก 2 บริษัท และโรงไฟฟ้าพลังน้ำอีกบริษัทหนึ่ง ในการศึกษาที่ทำอยู่ตอนนี้ ที่ปรึกษาของสพช.คือแอนเดอร์สันกับแนร่า ก็มีการถามหรือการหารือในเบื้องต้นแล้ว ข้อเสนอของที่ปรึกษาสพช.คือเราเห็นว่าการที่จะแยกการผลิตไฟฟ้าออกจากสายส่งไฟฟ้าจะทำได้ยาก ทำได้ไม่รวดเร็ว คงต้องใช้เวลา แม้จะมีการแปรรูปกิจการผลิตไฟฟ้าแล้ว ก็อาจจะเป็นการขายหุ้นเพียงบางส่วน กฟผ.คงยังถือหุ้นอยู่พอสมควรในบริษัทเหล่านี้ไปอีกระยะหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันก็ยังไม่สามารถแยกออกจากกันได้ภายใน 4-5 ปีนี้ ต้องหาวิธีการอื่นในการแก้ไขปัญหาที่ว่าอาจจะเกิดการผูกขาดขึ้นมาได้

วิธีการที่ทางที่ปรึกษาเสนอออกมาคือต้องแยกตัว system operator ออกมา ซึ่งก็คือศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าศูนย์นี้ควรจะแยกออกมาจากสายส่ง ตอนนี้ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบสายส่ง อยู่ในสายงานของสายส่งของกฟผ. เพราะฉะนั้นศูนย์ฯ นี้ควรแยกออกมาเป็นศูนย์ควบคุมอิสระหรือ independence system operator ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ศูนย์ควบคุมเป็นตัวสั่งเดินเครื่อง เป็นตัวที่ดูแลตลาดซื้อขายไฟฟ้า ความจำเป็นที่จะแยกการผลิตไฟฟ้าออกจากการส่งไฟฟ้าโดยสิ้นเชิงก็จะน้อยลงไป ทำให้มีเวลามากขึ้นในการที่จะปรับตัว

แต่ที่แปลกใจมากที่สุดคือที่ปรึกษาของกฟผ.เอง เขาเสนอว่า system operator ให้อยู่กับสายส่ง โดยมีเงื่อนไขว่าการผลิตไฟฟ้าต้องแยกออกจากการส่งไฟฟ้าโดยสิ้นเชิงภายในปี 2546 ซึ่งคนกฟผ.หลายคนเห็นว่าทำได้และอยากจะเห็นเป็นอย่างนี้

แต่ทางสพช.กลับเป็นฝ่ายเป็นห่วงว่าสายส่งกับผลิตไฟฟ้านี่อาจจะแยกออกจากกันไม่ง่ายนัก อาจจะต้องใช้เวลา บางคนของกฟผ.คิดว่าแยกได้ เช่น สิทธิพร รัตโนภาส รองผู้ว่าการ กฟผ. เห็นว่าทำได้ ดังนั้น system operator นี่ให้อยู่กับสายส่งได้

คือถ้าเผื่อว่าแยกได้จริง ตัว SO ก็อาจจะอยู่กับสายส่งได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ทั้งนี้สายส่งนี่ อย่างไรก็เป็นการผูกขาดอยู่แล้ว มันเป็นลักษณะการผูกขาดโดยธรรมชาติที่รัฐต้องกำกับดูแล อย่างไรก็ต้องผูกขาด เพียงแต่ว่าหากสายส่งกับผลิตไฟฟ้าไม่แยกออกจากกัน ก็เท่ากับยังมีความเป็นเจ้าของที่โยงกันอยู่ การที่จะให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่เข้ามาครอบ งำในตลาดได้ยากขึ้นก็คือต้องแยกศูนย์ควบคุมออกมา

หากพิจารณาเรื่องข้อดี-ข้อเสียนั้น มันเป็นเรื่องของการปฏิบัติเป็นหลัก การปฏิบัติแบบกฟผ.นี้จะยาก หมาย ความว่าหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ต้องขายหมด ในขณะที่โครงสร้างอีกแบบนี่ เรายังมีหุ้นอยู่ได้ และก็ค่อยๆ ลดลงไป มีเวลามากขึ้น ไม่ใช่ต้องทำภายในปี 2546 อันนั้นต้องทำ ให้ได้ภายในปี 2546 และตัวศูนย์ควบคุมมันก็เป็นแค่ศูนย์ที่ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำตรงบางกรวยเท่านั้นเอง ก็แค่นั้นเอง มันไม่ยุ่งยากอะไรที่จะแยกออกมา

ดังนั้นแนวทางทั้งสองอย่างนี่เป็นรูปแบบที่มีการคุยกันมามากพอสมควร มันมีทางเป็นไปได้ทั้งสองรูปแบบ แต่ในทางปฏิบัติ อันไหนจะยากกว่าง่ายกว่าเท่านั้นเอง

เรื่องโครงสร้างใหม่ที่ว่าจะเกิดในเดือนธ.ค.นี่ ในเมื่อขั้นตอนต่างๆ ล่าช้าลง มันจะเกิดได้อย่างไร ปิย-สวัสดิ์กล่าวว่า "ถึงเวลานั้นคงมีคำตอบออกมาค่อนข้างชัดเจนแล้ว และเมื่อรัฐบาลออกนโยบายมาแล้วว่าแปรรูปราชบุรี การคำนวณค่าไฟก็จะคำนวณเสมือนว่ามีการแปร รูป แม้ว่าจะยังไม่มีการแปรรูป คือเราจะคำนวณค่าไฟเสมือนว่ามีการแปรรูปตราบใดที่การแปรรูปราชบุรียังเป็นนโยบายของรัฐบาล เพราะฉะนั้นหากเกิดแปรรูปไม่ได้ตามเป้าหมายตามนโยบายของรัฐ มันก็จะไม่มีผลต่อผู้บริโภคเพราะว่าเราก็จะกำหนดค่าไฟเสมือนกับว่ามีการแปรรูปและดำเนินการใน 4 เรื่องตามที่ผมเรียนแล้ว

และถ้าเผื่อว่าฐานะการเงินไม่ดี กฟผ.ก็ต้องไปรับภาระเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อรัฐบาลบอกว่าให้ทำอย่างนี้เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงิน และค่าไฟจะได้ลงได้ 2% แล้วเกิดไม่ทำขึ้นมาเนื่องจากปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ภาระส่วนนี้ก็ต้องรับเอง จะมาให้ผู้บริโภคได้อย่างไร ก็ต้องไปหาวิธีอื่นที่จะมาทำ ต้องไปปรับปรุงฐานะการเงินเอง เช่น ต้องลดเงินเดือน ลดโบนัส"

หากพิจารณาว่าเรานำเอาส่วนลด 2% นี้เหมือนกับเป็นการนำไปใช้ล่วงหน้า ทั้งที่ตัวราชบุรียังไม่ได้แปรรูปขายหาเงินเข้ามาเลยนั้น ปิยสวัสดิ์กล่าวว่า "ก็มันเป็นนโยบาย ถ้าหากนโยบายรัฐบาลยังไม่เปลี่ยน ก็ต้องทำอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นหากเราบอกว่าให้รอ ไปทำให้เสร็จก่อนอาจจะต้องรอไปอีก 4 ปีก็ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพก็เหมือนกันเมื่อกำหนดเป็นเป้าหมายแล้ว ถึงเวลาทำได้ไม่ถึงแค่นั้น เราก็ไม่ให้มาเพิ่มในค่าไฟ ก็ต้องรับภาระตรงนี้เอาเอง

ปรับปรุงประสิทธิภาพที่จริงในส่วนของสายส่งและสายจำหน่าย เราเริ่มแล้วในส่วนของ FT ปัจจุบัน เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน แต่ในส่วนของค่าไฟฟ้ายังไม่ได้ใช้เท่านั้นเอง ถ้าเผื่อจะเอามาใช้นี่ สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือเรื่องของการผลิตไฟฟ้าในโครงสร้างใหม่"

ปิยสวัสดิ์เปิดเผยความรู้สึกว่า "ประสบการณ์เรื่องราชบุรี ผมก็เหนื่อย ก็เป็นช่วงๆ บางจากน่าเบื่อกว่าเพราะว่าผมไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลยกลับถูกด่า น่าเบื่อที่สุด แต่ ราชบุรีนั้นอย่างน้อยเรายังเป็นคนดูแล และก็รมต.สาวิตต์ก็เป็นคนที่ดูแลทั้งกฟผ.และสพช.ก็เป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เราก็แก้เองได้ และจะไปโทษใครไม่ได้ หากเกิดปัญหาเราก็แก้เองได้"

ราชบุรีตอนนี้อยู่ระหว่างการกำหนดโครงสร้างก่อน ว่ารูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างไร ตัวนี้ต้องออกมาให้ชัดว่าจะเป็นรูปแบบไหน และเพาเวอร์พูลจะเป็นลักษณะแบบไหน ต้องร่างกติกาต่างๆ ออกมาให้ชัดเจนก่อน โครงสร้างจริงคงจะเห็นภาพได้ประมาณปลายปีนี้ หลังจากนั้นคงต้องเริ่มปฏิบัติ ก็คงต้องแบ่งงานกันไป ถ้าเผื่อจะเป็นแบบนี้นี่ ส่วนหนึ่งของกฟผ.ก็ต้องไปเริ่มที่จะจัดตั้ง ISO ขึ้นมา เตรียมการในการจัดตั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้แยกทันที เพราะว่าในการแยกนี่คงใช้เวลาอีก 2-3 ปี ข้อสำคัญ คือให้เสร็จก่อนปี 2546

โดยส่วนตัว ปิยสวัสดิ์พอใจแนวทางที่จะให้มีการแยกกิจการสายส่งออกมา "อันนี้มีความเป็นไปได้มากที่ สุด อีกแบบหนึ่งนั้นน่าเหนื่อย มันไม่ค่อยง่ายนะ และถึง แม้ไม่มีการต่อต้าน ปริมาณงานที่จะต้องทำอันนี้จะเยอะมากเพราะว่าคนที่จะทำงานจริงๆ ในหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งในหน่วยงานกฟผ.ด้วย ที่จะมีความรู้เรื่องการขายหุ้น ตั้งบริษัท การแปรรูปนี่มีจำนวนไม่มาก ปริมาณงานที่จะทำไม่ใช่น้อย และปริมาณหุ้นที่จะกระจายเข้าตลาดหลักทรัพย์เยอะมาก ตลาดฯจะรับไหวหรือไม่ก็ไม่ทราบ ตั้งแต่ตอนนี้ถึงปี 2546 ถึงไม่มีการต่อต้าน รูปแบบนี้ผมก็ยังคิดว่าเหนื่อย"

คงยังจะต้องเหนื่อยอีกนานเพราะราชบุรีเป็นแค่ฉากโหมโรงเท่านั้น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us