"บิ๊กหมง" หารือรมว.คลัง ก่อนเตรียมเสนอแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ให้พิจารณาในเร็วๆ
นี้ "สมคิด" ระบุยังไม่ตัดสินใจว่าจะพบ "ประชัย" ด้วยตนเองหรือไม่
ขอฟังความเห็นจากผู้บริหารแผนฯก่อน มั่นใจเจ้าหนี้เห็นชอบแผนฯ ด้านประชัยเชียร์แผนฟื้นฟูฉบับลูกหนี้มีความเหมาะสมที่สุด
หากคลังไม่รับคงต้องยื้อต่อไป
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของ
พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย
จำกัด (มหาชน) (TPI) ว่า คณะกรรมการผู้บริหารแผนทั้ง 5 คน จะรายงานแผนฟื้นฟูฯฉบับใหม่ให้พิจารณาในเร็วๆ
นี้ ซึ่งการสรุปแผนต้องรอรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริหารแผนว่าจะเสนออะไรบ้าง ส่วนการหารือในครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
เป็นเพียงการรายงานผลการประชุมกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม
2547 ที่ผ่านมา
"แผนฟื้นฟูฯ อยู่ระหว่างการดูแลของคณะกรรมการผู้บริหารแผน ที่ผ่านมามีการรายงานความคืบหน้า
ซึ่งได้คืบหน้าไปพอสมควร เจ้าหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่มีปัญหา คิดว่าฝ่ายเจ้าหนี้จะเห็นชอบแผนที่เสนอ" นายสมคิด กล่าว
หลังจากนั้น จะให้หารือกับนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีพีไอ
แต่จะหารือด้วยตนเองหรือไม่นั้น ต้องรอรับฟังข้อเสนอของผู้บริหารแผนฯก่อน ทั้งนี้เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้านี้
"ผมต้องการให้เคลียร์จบเร็วๆ เพราะเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมานานแล้ว" นายสมคิดกล่าว
ด้านพล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ กล่าวว่า คณะผู้บริหารแผนฯ เตรียมเดินทางไปชี้แจงและอธิบายรายละเอียดการปรับปรุงแผนฟื้นฟูฯทีพีไอกับเจ้าหนี้ในต่างประเทศ
หลังจากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเจ้าหนี้เพื่อโหวตรับการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป
ก่อนที่จะยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่ออนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไข
ประชัยเคลียร์ข่าวหารือสมคิด
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวย้ำว่า ตนเองยังไม่ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามที่สื่อเสนอข่าวไป เพียงแต่ยื่นเอกสารแผนฟื้นฟูกิจการฉบับลูกหนี้ให้แก่รมว.คลังเท่านั้น
โดยจะไม่ขอเข้าพบ เว้นแต่รมว.คลังจะมีคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขของลูกหนี้ดีที่สุด เพราะเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ครบตามจำนวน
ขณะที่ผู้บริหารลูกหนี้ได้สิทธิในการซื้อหุ้นคืนในราคาแปลงหนี้เป็นทุนที่ 20 บาทต่อหุ้นบวกดอกเบี้ย
โดยทีพีไอจะเหลือหนี้ทั้งหมด 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมดภายใน
2 ปี จึงเชื่อว่าคลังจะเห็นชอบแผนฟื้นฟูดังกล่าว แต่หากคลังเห็นชอบแผนฟื้นฟูฯฉบับผู้บริหารแผนฯ
ก็เท่ากับคลังร่วมปล้นประชาชน เชื่อว่านายสมคิดไม่มีเจตนารมณ์ที่จะปล้นประชาชน
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ทีพีไอมีรายได้ก่อนหักดอกเบี้ย
ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) เฉลี่ย 1.5 พันล้าน บาท โดยในเดือนพฤษภาคมนี้ มี EBITDA
สูงถึง 2 พันล้านบาท หากใช้วิธี DCF มูลค่าหุ้นตาม บัญชีอยู่ที่ 22 บาท เนื่องจากโรงกลั่นทีพีไอเดินเครื่องผลิตอยู่ที่
2 แสนบาร์เรล/วัน และหากบริษัทออกจากแผนฟื้นฟูฯจะมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น
4 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศยังสูงอยู่
"ทีพีไอเป็นบริษัทโรงกลั่นของเอกชน รายเดียวของประเทศ ซึ่งถูกบอนไซมาแล้ว 7 ปี
แต่ยอดขายของบริษัทเป็นอันดับ 2 รองจาก ปตท. ซึ่งสูงกว่าโรงกลั่นเชลล์ คาลเท็กซ์
หรือบางจากฯ"
ส่วนแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอน่าจะจบลงได้หากคลังเห็นชอบตามแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
หากไม่ยอมเรื่องนี้ก็คงต้องยื้อกันต่อไปไม่จบภายในปีนี้ สำหรับกรณีที่ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอเตรียมเดินทางไปโรดโชว์เพื่อชี้แจงรายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขให้กับเจ้าหนี้ในต่างประเทศนั้น
ตนเห็นว่าไม่มีความจำเป็นเพราะเจ้าหนี้ได้มีการหารือกับผู้บริหารแผนฯในไทยอยู่ตลอดเวลาจนถือว่าเป็นแผนฟื้นฟูฯของเจ้านี้
ดังนั้นการเดินทางโรดโชว์น่าจะเป็นข้ออ้างหาความชอบธรรมมากกว่า
นอกจากนี้ นายประชัย กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้รับคำร้องยื่นฟ้องธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารเรียกค่าเสียหายจำนวน 2 แสนล้านบาท เนื่องจากแบงก์กรุงเทพและคณะกรรมการเจ้าหนี้เห็นชอบให้เอ็ฟเฟ็คทีฟแพลนเนอร์ส
อดีตผู้บริหารแผนฯ ทีพีไอแปลงหนี้เป็นทุนที่ 5.50 บาทต่อหุ้นในสัดส่วน 5,800 ล้านหุ้น
และอื่นๆ หากศาลมีคำสั่งว่าธนาคารกรุงเทพมีความผิดจริง แบงก์กรุงเทพก็ต้องสำรองเงินไว้เท่าจำนวน
"ทางเจ้าหนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา คัดค้านการแต่งตั้งตัวแทนคลังเป็นผู้บริหารแผนฯ ทีพีไอนั้น
เรื่องนี้ผมก็งง เพราะทางเจ้าหนี้เองเป็นฝ่ายโหวตเห็นชอบให้ตัวแทนคลังเป็น ผู้บริหารแผนฯ
แต่ก็ยื่นคัดค้าน อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหารแผนฯจะทำหนังสือชี้แจงความเห็นต่อศาลฎีกาว่า
ผู้บริหารลูกหนี้ให้การสนับสนุนตามที่ศาลล้มละลายกลางที่มีคำสั่งไม่แต่งตั้งบริษัทผู้บริหารแผนไทย
จำกัด เป็นผู้บริหารแผนฯทีพีไอ"