Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 พฤษภาคม 2547
บล.บัวหลวงลดเป้าดัชนีคาดกำไรบจ.ปีนี้หด 5%             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือซิเมนต์ไทย
โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.)

   
search resources

ปตท., บมจ.
บางจากปิโตรเลียม, บมจ.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หลักทรัพย์ บัวหลวง, บมจ.
ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.), บมจ.
ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.
วิวัฒน์ วิชิตบุญญเศรษฐ
สุเมฆ จันทราสุริยารัตน์
Investment
ญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์




บล.บัวหลวงโบรกค่ายแบงก์กรุงเทพปรับประมาณการ การทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลง 5% จาก 22% ลดเหลือ 17% ขณะที่มุมมองดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงจาก 843 จุดลดเหลือ 760 จุด เหตุจากปัจจัยลบ ด้านราคาน้ำมันที่คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงต่อไป

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง 2547 ว่า จากปัจจัยสำคัญๆ 3 ปัจจัยหลักคือ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น การปรับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯของเฟด และการก่อการร้าย ส่งผลให้ต้องมีการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ลง โดยคาดว่า ถ้าปีนี้จีดีพีจะโตที่ 6.5% ก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนติดลบ ประเทศก็ยังเติบโตอยู่

"เราต้องยอมรับความจริงกัน ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องถือว่าช่วงเวลานี้เป็นโอกาสของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์"

นายสุเมฆ จันทราสุริยารัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานค้าหลักทรัพย์สถาบันและ งานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดประมาณการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนซึ่งเดิมคาดว่าภายในปี 2547 นี้จะเพิ่มขึ้นในระดับ 22% ได้ปรับลดลงเหลือ 17% โดยลดลง 5% เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนได้รับผลกระทบราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและคาดว่ามีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับสูงต่อไป ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นสะท้อนถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับการก่อการร้าย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อบริษัทจดทะเบียนภายในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นี้

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบเกี่ยวกับความไม่สงบ ในพื้นที่ภาคใต้ และความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ที่ค่าเงินบาทมีความอ่อนตัวขึ้น อย่างไรก็ตามภายในไตรมาส 1 ของปี 2547 ที่ผ่านมานั้นปรากฏว่าบริษัทจดทะเบียนมีอัตราการเติบโตของกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 40% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงพอสมควร

ดังนั้น จึงทำให้มีการปรับประมาณการลดลงในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดยกลุ่มที่ถูกปรับลดประมาณการทำกำไรลงมามากที่สุด ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะได้รับผลกระทบจากสินค้ามากกว่าความต้องการ ถึงแม้ว่าจะมีขยายตัวต่อเนื่องจากปีก่อนก็ตาม โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากคือบริษัทที่ทำธุรกิจบ้านเดี่ยว เพราะธุรกิจนี้มีการฟื้นตัวมากที่สุดและต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น รวมถึงการแข่งขันที่สูงขึ้น

นายสุเมฆกล่าวว่า ฝ่ายวิจัยบล.บัวหลวงยังได้ปรับลดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยลงด้วยจาก เดิมที่ช่วงต้นปีที่คาดว่าดัชนีจะอยู่ในระดับ 843 จุดซึ่งจะมีค่าพี/อีเรโชอยู่ในระดับ 14 เท่าซึ่งจากปัจจัยลบดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยจึงได้ปรับลดเหลือ 760 จุดโดยจะมีค่าพี/อี เรโชอยู่ในระดับ 13 เท่า

สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนมี 3 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะมีการขยายตัวตามการปล่อยสินเชื่อ และมีฐานเงินทุนที่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีการปรับลดต้นทุนการเงิน ด้วยการไถ่ถอนสลิปแคปส์ไปแล้ว โดยธนาคารที่น่าสนใจได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่จะได้รับประโยชน์จากการที่ภาครัฐจะมีการก่อสร้างสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นภายในปีหน้า ประกอบกับภาคอสังหาริมทรัพย์ยังมีการก่อสร้างโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นในกลุ่มนี้ที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจครบวงจร และกลุ่มพลังงานซึ่งได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐฯ อินเดีย จีน เป็นต้น โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นปตท.,หุ้นปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และหุ้นบริษัทบางจาก

นายสุเมฆกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นอาจจะมีผลกระทบต่อภาวะตลาดหุ้น บ้าง แต่ไม่น่าจะมีผลมากนัก เพราะปัจจุบันนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมาก ถึงแม้จะปรับขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนักประกอบกับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับลดลงมาตลอด รวมถึงอัตราการบริโภคภายในประเทศที่สูงมากขึ้น

นายวิวัฒน์ วิชิตบุญญเศรษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารกองทุนส่วน บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง เปิดเผยว่า การลงทุนของกองทุนส่วนบุคคลที่บล.บัวหลวงบริหารนั้นในช่วงที่ผ่านมานั้นทำให้บริษัทจะเน้นลงทุนในตราสารที่มีอายุสั้นๆ อายุประมาณ 2-3 ปี โดยหุ้นกู้เอกชนมีความน่าสนใจลงทุนมากกว่าพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจเพราะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และการที่สภาพเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ไม่ต้องกังวลปัญหาเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ แต่อย่างใด

นอกจากนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นก็ยังมีความน่าสนใจ ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาสภาพตลาดจะ มีความผันผวนก็ตาม เนื่องจากค่าพี/อีเรโชของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 9-10 เท่า จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจที่จะลงทุน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us