"จุลกร สิงหโกวินท์" เผยอีก 1 สัปดาห์รู้เวลา "เอบีเอ็น แอมโร"
ขายหุ้น ให้ยูโอบี แน่นอน ยันจะทำงานในตำแหน่งเอ็มดีเต็มความสามารถจนสิ้นสุดดีล
แจงยังไม่มีใครมาทาบทามให้ไปอยู่ด้วย หลังจบเรื่องนี้ขอพักผ่อนยาว 3 เดือนใช้เวลาทบทวนสิ่งต่างๆ
ชาร์จแบตฯเสร็จค่อยคิดหาช่องทางต่อไป
นายจุลกร สิงหโกวินท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ
BOA เปิดเผยถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นของธนาคารว่า หลังจากกลุ่มเอบีเอ็น
แอมโร จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ตัดสินใจทิ้งหุ้นที่ถืออยู่ในธนาคารเอเชีย จำนวน 80.77%
โดยมีแบงก์ยูโอบี สิงคโปร์เข้ามารับช่วงต่อ จะมีความชัดเจนในเรื่องระยะเวลาการซื้อขายหุ้นออกมาภายใน
1 สัปดาห์นี้แน่นอน
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนที่จะมีความชัดเจนในการซื้อขายหุ้นระหว่างกันนั้น ตนจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง
กรรมการผู้จัดการใหญ่ต่อไป จนกว่าขั้นตอนการดำเนินการจะเรียบร้อย หลังจากการซื้อขายจบลงแล้วจึงจะลาออกจากตำแหน่ง
เพื่อเปิดทางให้กับผู้บริหารของผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาทำงานได้อย่างเต็มที่
นายจุลกร กล่าวว่า หลังจากส่งมอบอำนาจการบริหารงานให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่แล้ว
ตนเองจะให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อน เนื่องจากที่ผ่านมาการเป็นนายแบงก์มา 30 ปี
ยังไม่เคยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เลย มีอยู่เพียงครั้งเดียวที่ได้พักนานถึง 1 เดือน
คือ เมื่อครั้งที่ย้ายข้ามมาจากธนาคารกรุงเทพ มาอยู่ที่ธนาคารเอเชีย และหลังจากนั้นก็ไม่มีการพักยาวอย่างนี้อีกเลย
"หลังดีลนี้ผมจะพักผ่อนอย่างเต็มที่สัก 3-4 เดือน ภรรยาผมก็บอกให้พักเสียบ้าง
ผมอยากมีเวลาเต็มที่เป็นการปิดเครื่องไปเลย เมื่อก่อนที่พักร้อนก็ไม่สามารถยิ้มได้อย่างเต็มที่
2-3 วันก่อนกลับมาทำงานก็จะเริ่มคิดเรื่องงานอีกเริ่มมีความเครียดเข้ามา โอกาสนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับการพักผ่อน
ร่างกายผม ก็ส่งสัญญาณมานานแล้วว่าต้องพักเสียที" นายจุลกรกล่าว
ส่วนในอนาคตนั้น นายจุลกร กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาทาบทามให้ไปทำงานด้วยเลยและเขาเองก็ยังไม่ได้คิดอะไรในเรื่องนี้
ขอเวลาหลังการพักผ่อนในครั้งนี้แล้วค่อยมาคิดทบทวนดูอีกครั้งว่า ความต้องการที่แท้จริงของเขาคืออะไร
ตอนนี้ขอหยุดเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ ก่อนเมื่อชาร์จเสร็จจะได้รู้ว่าอยากเดินไปทางไหน
อยากทำสิ่งใดหรือหยุดแล้วไม่ทำอะไรเลย
"ในใจจริงแล้ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ไม่รู้ว่าอยากทำอะไร ไม่รู้ว่าเก่งด้านไหนและยังไม่มีเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต
เพราะงาน ที่ทำอยู่ทุกๆ วันก็มากเกินกว่าจะให้มาคิดเรื่องเหล่านี้ 12 ปีเต็มกับการเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่แบงก์เอเชียก็มีงานให้ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีเวลาและโอกาสที่จะไปคิดเรื่องอื่นได้เลย มีแต่ความเครียดโถมเข้ามาอยู่ตลอดเวลา"
"ตอนผมเป็นเด็ก ผมไม่เคยใฝ่ฝันจะทำงานด้านนี้เลย หลังเรียนจบเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษก็เที่ยวอย่างเดียวไม่คิดจะทำงานอะไร
จนทางบ้านผมทนไม่ไหวต้องลากไปเขียนใบสมัครที่แบงก์กรุงเทพ ผมไม่เคยคิดจะเป็น Banker
จริงๆ แต่พอหลังจากเข้ามาทำงานด้านนี้แล้ว เริ่มรู้สึกชอบ ผมคิดเสมอว่าถ้าไม่รักในงานก็คงจะทำอะไรไม่สำเร็จ
ถ้าไม่ชอบก็คงไม่สามารถมาถึงจุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่เป็นอยู่และมีอยู่นี้ไม่ใช่สมบัติของปู่ย่าตายายหาไว้
หากไม่ขวนขวายหาเองก็คงไม่มีวันนี้" นายจุลกร กล่าวทิ้งท้าย