Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 พฤษภาคม 2547
KTCฟุ้งกำไรไตรมาส2 สูงกว่าQ1 ลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลโต             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย
โฮมเพจ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
บัตรกรุงไทย, บมจ.
ธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล
Credit Card




KTC มั่นใจกำไรไตรมาส 2 ปีนี้โตกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากการเติบโตของลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มทาง เลือกให้กับลูกค้า คาดปีนี้พอร์ตสินเชื่อโดยรวมมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท แจงระวังเรื่องการออกบัตรใหม่

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทยจำกัด จำกัด(มหาชน) (KTC)เปิดเผย ว่า ผลกำไรของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ยังคงดีต่อเนื่อง และดีกว่าไตรมาสที่ 1 เนื่องจากการเติบโตของลูกค้าบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลยังมีการเติบโตที่ดีทำให้บริษัทมีรายได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในสิ้นปีนี้พอร์ตของสินเชื่อบัตรเครดิตจะอยู่ที่ 1.5 - 1.6 หมื่นล้านบาท และสินเชื่อบุคคลจะอยู่ที่ 5-7 พันล้านบาท ทำให้พอร์ตของบริษัทโดยรวมมีประมาณ 2.0 - 2.2 หมื่นล้านบาท

"เชื่อว่าการทำกำไรของบริษัทใน ปีนี้จะไม่แพ้ปีที่แล้ว ทั้งในด้านการเติบ โตของกำไร โดยถ้าเศรษฐกิจดีกว่านี้ ปัจจัยด้านลบหมดไปตัวเลขดังกล่าว ก็จะเพิ่มขึ้นดีกว่าที่คาด ซึ่งบริษัทได้เพิ่มความระมัดระวังในการออกบัตรใหม่ แต่ไม่ได้มีการปรับลดตัวเลขบัตรเครดิต โดยในปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโต 300,000 ใบ" นายนิวัตต์กล่าว

นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส KTC กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มความระมัดระวัง ในการออกบัตรเครดิตให้กับผู้ถือบัตรใหม่และการติดตามหนี้บัตรเครดิต โดยบริษัทได้ให้พนักงานพิจารณาใบสมัครของลูกค้าที่ยื่น สมัครก่อนที่จะนำเข้าสู่ระบบจัดอันดับความเสี่ยง ซึ่งการเพิ่มความระมัดระวังก็จะทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลง

ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทเพิ่มความ ระมัดระวังก็เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ การว่างงาน การลงทุน และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ถือบัตรที่อาจจะ ลดลงจากช่วงภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

"บริษัทได้เพิ่มจำนวนคนที่ติดตามหนี้จากเดิมที่กำหนดไว้เดือนละ 100 คนเป็น 130 คนตั้งแต่ต้นเดือน เมษายนที่ผ่านมา แต่บริษัทได้เห็นสัญญาณความผันผวนของราคาน้ำมัน และเริ่มจับตามองถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ 2-3 เดือนที่ผ่านมา" นายธวัชชัยกล่าว

สำหรับงบการเงินไตรมาสแรกของ KTC พบว่ามีกำไรสุทธิ 151.93 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 0.61 บาทต่อหุ้น โดยมีอัตราการเติบโตเท่ากับ 194.0% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับไตรมาสที่ 1 ปี 2546 เนื่องจากรายได้รวมเพิ่มขึ้น โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 881.08 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยรายได้ค่าธรรม-เนียม 373.55 ล้านบาท คิดเป็น 42.4% ของรายได้รวม และรายได้จากดอกเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 462.37 ล้านบาท คิดเป็น 52.5% ของรายได้รวม

ซึ่งรายได้จากดอกเบี้ยรับนี้ แยกเป็นรายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้บัตรเครดิต จากลูกหนี้ธนวัฏบัตรเครดิต และจากลูกหนี้ สินเชื่อบุคคล เท่ากับ 364.62 32.53 และ 65.22 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 41.4% 3.7% และ 7.4% ของรายได้รวมตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการบริหารงานบัตรเดบิตให้กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รายได้จากหนี้สูญได้รับคืนและรายได้อื่นๆ เท่ากับ 2.5 34.95 และ 7.72 ล้านบาท ตามลำดับ โดยหากเทียบกับผล การดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2546 ที่มีรายได้รวม เท่ากับ 557.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 58.0% เมื่อเทียบกับผลประกอบการในงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ยรับและรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งจากธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อบุคคล

แต่ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2547 เท่ากับ 608.52 ล้านบาท คิดเป็น 69.1% ของรายได้รวม แยกเป็นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม 496.03 ล้านบาท หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ 112.49 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมเท่ากับ 56.3% และ 12.8% ตามลำดับ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us