"บัณฑูร ล่ำซำ" บิ๊กแบงก์กสิกรไทย ชี้การทำธุรกิจในประเทศจีนยากขึ้นหลังจากจีนประกาศ
ชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ ตั้งทีมงานศึกษาการลงทุนในจีนโดยเฉพาะ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการ
ลงทุน ขณะที่แบงก์ไทยพาณิชย์ เมินลงทุนในจีนเพิ่ม เหตุจากไม่คุ้มค่าการลงทุนและความแตกต่างของข้อกฎหมาย
และวัฒนธรรม
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย แนวทางการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน
ว่า ปัจจุบันการทำธุรกิจในจีนถือเป็นเรื่อง ยาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของจีนมีความร้อนแรงมากขึ้น
ทำให้ทางการจีนจะต้องรักษาสมดุลระหว่างความร้อนแรงของเศรษฐกิจภายใน และการขยาย
ตัวเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศ
"ธนาคารจะต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายภายในประเทศจีนก่อน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ประกาศชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งธนาคารได้ตั้งทีมศึกษาทิศทางและแนวโน้มการลงทุนในประเทศจีนโดยเฉพาะ"
นายบัณฑูร กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าไปลงทุนเต็มรูปแบบ
เพราะจะต้องดูเงื่อนไขการลงทุนของทางการ และวัฒนธรรมการทำธุรกิจอย่างถ่องแท้ รวมถึงธนาคารจะต้องศึกษาในเรื่องของการเปิดเสรีทางการเงินในประเทศจีนภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ในที่สุดแล้วจีนจะต้องสู่การเปิดเสรี
"เศรษฐกิจจีนกำลังร้อนแรง มีการ ขยายการลงทุนจำนวนมาก จนต้องแตะเบรก เพราะตอนนี้ประเทศจีนเองมีคนที่หลุดจากระบบข้าราชการเยอะมากขึ้น ทางการจะต้องเตรียมงานรองรับ ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของแบงก์เองจะปล่อยแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ จะต้องเข้าไปในลักษณะของการสนับสนุนการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ และเป็นการ ทำธุรกรรมในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก แต่หากเป็นเงินหยวนในขณะนี้ยังทำไม่ได้"
ทั้งนี้ ธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในจีนส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการขยายการลงทุนในจีน
ซึ่งในส่วนของธนาคารจะให้ความช่วยเหลือธุรกิจ ให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างการเข้าไปทำธุรกิจของ
นักธุรกิจไทย และนักธุรกิจจีน เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ทั้งนี้ในปัจจุบันธนาคารมีสาขาที่เซินเจิ้น
และมีสำนักงานตัวแทน 3 แห่ง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ธนาคารกสิกรไทย ได้ยืนยันว่า จะไม่เข้าไปเพิ่มทุนในธนาคารบิสซิเนส
เดเวลลอปเมนท์ (บีดีบี) ของจีน ที่มีธนาคาร กรุงไทยเข้าไปลงทุน และพร้อมจะขายหุ้นที่ถืออยู่ประมาณ
7% ออกไปทั้งหมด
ด้านดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า
ช่วงก่อนหน้านี้ธนาคารมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศจีน แต่ขณะนี้ธนาคารไม่มีแผนที่จะลงทุน
เพิ่ม เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าไม่มีความคุ้มค่าจากการลงทุน ทั้งในเรื่องของความยากในการเข้าไปทำธุรกิจจากข้อกฎหมาย
ความพร้อมของพนักงานที่จะต้องมีทักษะและรู้จักพื้นที่ในประเทศ
"จีนโตจริง แต่ทั่วถึงหรือเปล่า เพราะที่เห็น เป็นเพียงบางกลุ่มทำให้ทางการจีนต้องแตะเบรก
แต่การแตะเบรกก็จะต้องไม่ทำให้ธุรกิจที่เดินหน้า ก่อนหน้านี้ต้องชะงักไป ซึ่งธนาคารเข้าไปช่วยในเรื่องของการให้เงินกู้กับธุรกิจโดยบางแบงก์ลงทุนในจีน แต่ได้กำไรไม่มากนัก ซึ่งธนาคารจะยังใช้ประเทศไทยเป็นฐานที่มั่นหลัก ส่วนในภูมิภาคขณะนี้เรามีสาขาอยู่ที่เวียดนาม
เขมร"
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
การทำธุรกิจในประเทศจีนนั้นธนาคารไม่ได้ให้ความสนใจที่จะเปิดสาขาที่จีน เนื่องจากธนาคาร
ยังไม่มีความพร้อมในส่วนนี้ แต่เดิมธนาคารเคย ให้ความสนใจอยู่เช่นกัน ทั้งนี้เป็นเพราะว่าพนักงานของธนาคารไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาจีนมากพอ ดังนั้น ธนาคารจึงจะเบนเข็มมาจับกลุ่มลูกค้าที่ไปลงทุนทำธุรกิจในประเทศจีนแทนการเปิดสาขา
สำหรับสาขาที่กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นั้น ในเชิงธุรกิจถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่ทางธนาคารจะยังไม่พิจารณาปิดสาขาเนื่องจากปริมาณการทำธุรกรรมยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องและอยู่ในสัดส่วนที่ไม่สูงมากนัก ส่วนธุรกิจธนาคารที่ประเทศกัมพูชาที่ธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้นอยู่ 100% ถือว่าผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ
เพราะการดำเนินงานมีผลกำไรเป็นที่น่าพอใจทุกเดือน