บล.โกลเบล็กชี้ถ้าหุ้นนวนครต่ำกว่าจองอาจทำให้หุ้นไอพีโอหลายบริษัทเลื่อนกระจายหุ้น
รวมถึงทำให้การขยายกิจการของบริษัทต้องหยุดชะงักลงเหตุไม่สามารถใช้ตลาดทุนระดมเงินทุนได้
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัดในฐานะแกนนำในการ
จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัท นวนคร เปิดเผยว่า ในวันนี้(18 ม.ค.)หุ้นบริษัท
นวนครจะเข้ามาซื้อ ขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ถูกจับตามองอย่างมาก
เพราะถ้าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคา จองเหมือนกับหุ้นใหม่ที่เข้ามาซื้อขายก่อนหน้านี้
เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อหุ้นใหม่หรือหุ้นไอพีโอ เพราะจะมีหุ้นใหม่หลายบริษัทชะลอแผนการกระจายหุ้นออกไป
เพราะสภาพตลาดหุ้นที่ไม่เอื้ออำนวย
ทั้งนี้ คาดว่ามีบริษัทที่เตรียมจะเข้ามาจดทะเบียน 50-60 บริษัทและเป็นบริษัทที่มีแผนระดมทุน
เพื่อนำเงิน มาขยายกิจการ แต่เมื่อภาวะตลาดหุ้นซบเซา ทำให้บริษัท ดังกล่าวต้องชะงักแผนการระดมทุนออกไป
ซึ่งจะส่งผล กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมได้เช่นกัน
นายช่วงชัยกล่าวว่า หุ้นบริษัท นวนครนั้นกำหนดนั้นถือว่าต่ำกว่ามูลค่าที่ดี(NAV)ที่อยู่ในระดับ
40 บาท แต่ได้กำหนดราคาจองเพียงแค่หุ้นละ 25 บาทเท่านั้น แต่อาจจะเข้ามาซื้อขายในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร
นายคเณศศ ศรีศุภอรรถ กรรมการ บริษัทดีเอส พูลเดนเชียล จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินเปิดเผย
ว่าการที่สภาพตลาดหุ้นที่ซบเซาอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นบริษัท นวนครได้ แต่ก็เชื่อว่าถ้าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคาจอง
คงจะลงมาไม่มากนัก เพราะหุ้น บริษัท นวนครถือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับและราคา
หุ้นที่กำหนดไว้ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับจุดเด่นของบริษัทคือบริษัทดำเนินธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม
ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังขยายตัวตามสภาพเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงค่าบริการซึ่งเป็นรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคิน ได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท นวนคร
โดยได้ประเมินว่าราคา ที่เหมาะสมในปี 2547 อยู่ที่ระดับ 24.80-26.90 บาท และ ในปี
2548 อยู่ที่ 28.30-31.20 บาท โดยพิจารณาจากกลุ่ม นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีค่าพี/อี
เรโชประมาณ 14.5 เท่า แต่ฝ่ายวิจัยบล.เกียรตินาคินได้ตัดส่วนลดลงมา ประมาณ 10-15%
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงขนาดของรายได้ที่เข้ามาที่อยู่ในระดับต่ำกว่าอุตสาหกรรม
ฝ่ายวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก เปิดเผย ว่า นวนครเข้ามาระดมทุนมูลค่า
500 ล้านบาทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาเขตปลอดอากรในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนครที่จังหวัดปทุมธานี
และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ที่จังหวัดนครราชสีมา หุ้นนวนครเป็นหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตและมีศักยภาพ
ในการทำกำไรสูง ด้วยประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
คาดรายได้รวมของนวนคร ปี 2547 จำนวน 818 ล้าน บาทเพิ่มขึ้น 67% จากปี 2546 กำไรสุทธิ
201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% จากปี 2546 ในช่วงปี 2547-2549 คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงปี
47-49 อยู่ในระดับ 52-57% ส่วนอัตรากำไรสุทธิ ปรับเพิ่มจาก 16% มาเป็น 24-26% การประเมินมูลค่าหุ้น
นวนคร ในการคำนวณมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี Discounted Cash Flow ได้เท่ากับ 31 บาท