ปตท.สผ.แจงกำไรไตรมาสแรก 3,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.22% เนื่องจากรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากแหล่งเอส
1 ที่ซื้อหุ้นทั้งหมดในไทยเชลล์ รวมทั้งราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นบาร์เรลละ
21.76 เหรียญสหรัฐ ล่าสุดเตรียมแผนการผลิตในโครงการ B6/27 ได้ใหม่อีกครั้ง และมั่นใจโครงการอาทิตย์ผลิตได้ตามแผนกลางปี 49 ส่วนโครงการในต่างประเทศก็เร่งดำเนินการทั้งเจดีเอและ SHAMS
นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด
(มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2547 ว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ
3,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,594
ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 5.18 บาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น
3.98 บาท
โดยบริษัทฯมีรายได้รวมขยายตัวเพิ่มจากเดิม 8,368 ล้านบาทในไตรมาส 1/2546 เพิ่มเป็น
10,709 ล้านบาทหรือเติบโตขึ้น 28% เนื่องจากปริมาณการขาย ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย
98,008 บาร์เรลต่อวัน ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขายน้ำมันดิบในโครงการเอส
1 ตามสัดส่วนจากการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัทไทยเชลล์ ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็น
บริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด (ปตท.สผ.ส.) รวมทั้งการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทจากโครงการ
บงกชที่เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ย ไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็น 21.76
เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีราคา ขายเฉลี่ย
20.70 เหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายโครงการยาดานาลดลงส่วนใหญ่จากการลดลงของการใช้ผลประโยชน์ในส่วนของ
Cost Recovery ในการแบ่งปันผลผลิต ตั้งแต่กลางไตรมาสที่ 3 ปี 2546
นอกจากนี้แล้ว ปตท.สผ. และบริษัทย่อยได้รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียในไตรมาสนี้จำนวน
110 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลสุทธิจากการที่ พีทีทีอีพี ออฟชอร์ รับรู้ผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานของบริษัท
Medco Energi ผ่านบริษัท New Links จำนวน 135 ล้านบาท
ในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้น มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 4,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,134
ล้านบาท หรือ 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 3,707
ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 693 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากค่าเสื่อมราคาในโครงการเอส
1 ตามสัดส่วนการเข้าถือหุ้นทั้งหมดในไทยเชลล์ และค่าเสื่อมราคาโครงการบงกชที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการผลิตที่เพิ่ม
รวมทั้งค่าภาคหลวงสำหรับปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจำนวน 348 ล้านบาท ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น
นายมารุต กล่าวว่า ผลกำไรในไตรมาสนี้ส่วนใหญ่มาจากการเข้าซื้อหุ้นไทยเชลล์ ทำให้บริษัทฯและบริษัทย่อยมีทรัพย์สินสูงเกิน
1 แสนล้านบาท ขณะนี้บริษัทกำลังเร่งเตรียมแผนการผลิตในโครงการ B6/27 เพื่อให้สามารถผลิตน้ำมันจากโครงการดังกล่าวได้อีกครั้ง
"สำหรับโครงการอาทิตย์มีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี โดยปตท.สผ.ได้เร่งเจาะหลุมสำรวจและประเมินผลเพื่อวางแผนพัฒนาทันทีหลังจากลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ
คาดว่าจะนำก๊าซฯขึ้นมาทันตามแผนที่กำหนดไว้ในกลางปี 2549 ส่วนโครงการในต่างประเทศ
ทางปตท.ได้เจรจากับองค์กรร่วมไทย-มาเลเซียจัดทำข้อตกลงเบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายในปีนี้เพื่อจะได้ดำเนินการผลิตก๊าซฯจากแหล่งเจดีเอ และซี-19 ภายในปี 2551 ส่วนในตะวันออกกลาง บริษัทกำลังเตรียมแผนการเจาะก๊าซฯจากแหล่ง
SHAMS แปลง 44 โอมาน เพื่อเร่งดำเนินการผลิตในปีนี้"