บอร์ดบริหาร อนุมัติไรมอน แลนด์ เพิ่มทุนจดทะเบียน 285 ล้านหุ้น หลังพ้นกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
โชว์กำไรผลประกอบการ 520 ล้านบาท แจงเปิดตัว 2 โครงการปี 46 ขายหมดใน 5 วัน สร้างรายได้กว่า
1,600 ล้านบาท คาดสามารถรับรู้รายได้ทั้ง 2 โครงการในปีนี้
นายไนเจิล เจ. คอร์นิค กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)
กล่าวภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน
ของบริษัทจาก 2,466,710,400 บาท เป็น 2,752,640,955 บาท โดยบริษัทจะออกหุ้นสามัญเพิ่มจำนวน
285,930,555 หุ้น มีมูลหุ้นละ 1 บาท สำหรับการจัดสรรหุ้นดังกล่าวจะแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน
224,930,555 หุ้นซึ่งจะเสนอขาย ให้แก่ผู้ถือหุ้นรายเดิมในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิม
ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท
ส่วนเงื่อนไขในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสิทธินั้น
จะเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นที่ได้จองซื้อเกินสิทธิของตน หรือเป็นการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง
โดยราคาเสนอขายต้อง ไม่ต่ำกว่า 1 บาทต่อหุ้น สำหรับหุ้นสามัญจำนวน 61,000,000 หุ้น
จะถูกสำรองเพิ่มเติมเพื่อรองรับการใช้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญที่เป็นผล มาจากการซื้อหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง
เมื่อเดือน พ.ย. 2546 ที่ผ่านมา สำหรับเงินทุนที่ได้จากการขายหุ้นสามัญในล็อตนี้
ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในการดำเนินโครงการของบริษัทฯ ที่มีอยู่ และอีกส่วนหนึ่งจะใช้ในการลงทุนโครงการใหม่
ที่เข้าหลักเกณฑ์การลงทุนของบริษัท
นายไนเจิล กล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัท มีผลกำไรจากผลการดำเนินงานทั้งสิ้น
520 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่เกิดจากการกลับรายการสำรองเงินลงทุน และการ
ปรับโครงสร้างหนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 4 บริษัท มีผลกำไรจากการดำเนินงานธุรกิจหลักของบริษัทจำนวนทั้งสิ้น
15 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการ ดำเนินงานของปี 2546 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทสามารถผ่านพ้นกระบวนการฟื้นฟูกิจการ
พร้อม กันนั้นในปีที่ผ่านมาบริษัทยังได้เปิดตัวโครงการ ใหม่อีก 2 โครงการคือ โครงการเดอะ
ล็อฟท์ สาทร เป็นโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงจำนวน 25 ยูนิต และโครงการเดอะเลคส์
ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมเกรด เอ มีจำนวน ห้องชุดจำนวน 171 ยูนิต ตั้งอยู่ตรงกันข้ามศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
และสวนเบญจกิติแห่งใหม่ โดยโครงการ เดอะ เลคส์ สามารถขายหมดภายใน 5 วันถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า
โดยโครงการนี้มียอดขายทั้งสิ้น 1,600 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถ รับรู้รายได้จากทั้งสองโครงการในปี
2547 นี้