พบเงื่อนงำทีทีแอนด์ที ยักย้ายเลขหมายลูกค้าไม่ปรากฏในระบบบิลลิ่ง เบียดบังส่วนแบ่งรายได้ทศท
หลักฐานเกิดที่จ.เพชรบุรี ค่าใช้เฉลี่ยเดือนละ 5 หมื่นบาท ส่งบิลเก็บเป็นค่าที่ปรึกษาดูแลโครงข่าย
6 พันบาท ส่วนต่างที่เหลือล่องหน สหภาพฯย้ำสร้างความเสียหายไม่รู้เท่าไหร่ เพราะทศทไม่สามารถตรวจสอบได้
เตรียมยื่นเรื่อง ให้ฝ่ายบริหารจัดการขั้นเด็ดขาด พร้อมยุส่งให้เลิก สัญญาไปเลย
นายพรชัย มีมาก รักษาการรองประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น
กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากศูนย์การขายและบริการ จังหวัดเพชรบุรี ถึงพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของบริษัท
ทีทีแอนด์ที ผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน 1.5 ล้านเลขหมายในภูมิภาค ที่อยู่ภายใต้สัญญาร่วมการงานกับทศทในประเด็นส่อไปในทางสร้างความเสียหายให้แก่ทศท รวมทั้งการไม่ปฏิบัติตามสัญญาร่วมการงาน
หลักฐานที่พบคือโรงพยาบาลเพชรรัชต์ จ.เพชรบุรี ที่ใช้บริการเลขหมายโทรศัพท์ของ
ทีทีแอนด์ทีจำนวน 10 เลขหมาย มีค่าใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 4-5 หมื่นบาทซึ่งเป็นการตรวจสอบข้อมูลการใช้บริการจากระบบบิลลิ่ง CSS เนื่องจากทีทีแอนด์ทีจะเป็นผู้เก็บเงินค่าใช้บริการจากประชาชน โดยต้องมีขั้นตอนที่ทศทสามารถตรวจสอบได้คือเมื่อทีทีแอนด์ที พิมพ์ใบแจ้งหนี้เรียกเก็บค่าใช้บริการ จะต้องทำรายงานการเก็บเงินตามบิลส่งให้ทศทด้วยในแต่ละเดือน
ตามแบบฟอร์มที่เรียกว่า CMF 18
ปรากฏว่าในรายโรงพยาบาลดังกล่าว ทศทตรวจพบข้อมูลค่าใช้บริการได้ถึงเดือน 01/47
เท่านั้น แต่ในส่วนของเดือน 02-03/47 ไม่ปรากฏค่าใช้บริการ เลขหมายโทรศัพท์ดังกล่าวในระบบบิลลิ่ง
CSS และเลขหมายทั้งหมดถูกยกเลิกโดยไม่มีการแจ้งยกเลิกจากลูกค้า แต่เมื่อตรวจสอบกลับไปพบว่าลูกค้ายังใช้เลขหมายเดิมปกติและไม่เคยแจ้งยกเลิกเลขหมายและไม่รู้ว่าเลขหมายดังกล่าวถูกยกเลิกด้วย
แต่ที่น่าสงสัยคือในเดือน 03/47 ลูกค้าได้รับใบแจ้งหนี้จากทีทีแอนด์ทีเป็นค่าที่ปรึกษาและดูแลโครงข่ายภายในกลุ่มของประเภทบริการ T-Group Service จำนวน 15 เลขหมายและแนบรายละเอียดการใช้บริการโทรศัพท์ทางไกลและทางใกล้
ประจำเดือน 03/47 เหลือเพียง 6,943.12 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ซึ่งเป็นเลขหมายในกลุ่มใหม่ไม่ใช่เลขหมายเดิมที่ใช้บริการอยู่ ซึ่งถือว่ามีเงื่อนงำมาก เพราะหลังตรวจสอบเลขหมายกลุ่มใหม่ที่ทีทีแอนด์ทีแจ้งค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า
พบว่าบางเลขหมายไม่มีในระบบบิลลิ่ง CSS บางเลขหมายถูกยกเลิกไปแล้ว บางเลขหมายซ้ำซ้อนกับลูกค้ารายอื่นที่ใช้บริการอยู่ แต่ต่างกันที่รหัสลูกค้า โดยทีทีแอนด์ทีแจ้งให้ชำระผ่านบัญชีทีทีแอนด์ที ธนาคารกสิกรไทย
สาขานครปฐมพร้อมทั้งให้แฟกซ์หลักฐานการโอนเงินมาด้วย ซึ่งเมื่อลูกค้าสอบถามว่าเป็นค่าอะไร
เหมาจ่ายอะไร และรายละเอียดค่าใช้บริการก็ไม่ตรงกับความเป็นจริง เจ้าหน้าที่ทีทีแอนด์ทีก็ไม่สามารถชี้แจงได้
"ลองคิดดูเล่นๆ ส่วนต่างจาก 5 หมื่นบาทกับ 6 พันกว่าบาท หายไปไหน ใครไปตกลงอะไรกับใคร
ไว้หรือเปล่า"
นายพรชัยกล่าวว่า แบบฟอร์ม CMF 18 ที่ไว้ใช้ตรวจสอบนั้น แรกๆ ทีทีแอนด์ทีก็ให้ความร่วมมือดี
แต่ในภายหลังกลับไม่ยอมส่ง เมื่อทวงถามทีทีแอนด์ที ก็เพิกเฉย ซึ่งทำให้เห็นเป้าหมายได้ชัดเจนว่าทำไม
ทีทีแอนด์ที ถึงทำเรื่องถึงศาลปกครองเพื่อไม่ต้องการ ให้ทศทเข้าไปตรวจสอบหรือขอเอกสารต่างๆ
โดยอ้าง ว่าทศทแปรสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชนแล้ว ซึ่งศาลปกครองก็ได้ตัดสินแล้วว่าทศทยังมีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้าไปตรวจสอบได้
พฤติกรรมดังกล่าวที่เกิดกับลูกค้าจังหวัดเพชรบุรีนั้นเกิดขึ้นกับแทบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่านอกจากจะเบียดบังรายได้ของทศทแล้ว ทีทีแอนด์ทีซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
รายงานประจำปีที่เสนอกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็น่าจะเป็นรายได้ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
และการกระทำดังกล่าวน่าจะเบียดบังรายได้ของทศทไปจำนวนมาก เพราะไม่ทราบว่าทีทีแอนด์ทีทำเช่นนี้มานานแค่ไหน
เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้
"วิธีดีที่สุดคือยกเลิกสัญญาไปเลย เห็นได้ชัดว่าเจตนาไม่บริสุทธิ์ จากพฤติกรรมที่พยายามใช้อำนาจของศาลปกครองมากีดกันไม่ให้ทศท สามารถตรวจสอบได้ เป็นองค์ประกอบที่บอกได้ชัดเจน ในการเบียดบังรายได้ของทศท สหภาพฯจะนำเรื่องนี้เสนอฝ่ายบริหารให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อความถูกต้องและประโยชน์ของรัฐ ซึ่งทางที่ดีควรตรวจสอบทุกบริษัทที่ร่วมการงานกับทศท เพราะนี่เป็นเพียงกรณีเดียวเท่านั้น สหภาพฯยังเชื่อว่ามีอีกหลายกรณีที่ควรจะต้องตรวจ
สอบ เช่น การให้บริการโทรศัพท์สาธารณะ"