Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน30 เมษายน 2547
ผู้ถือหุ้น"IFCT"ป่วนประชุมอนุมัติเพิกถอนน้อยกว่า75%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารทหารไทย
โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย
โฮมเพจ ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ

   
search resources

ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ
ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ธนาคารทหารไทย
ไทยประกันชีวิต, บจก.
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - IFCT
กระทรวงการคลัง
ดีบีเอส กรุ๊ป สิงคโปร์
สมหมาย ภาษี
สุภัค ศิวะรักษ์
Banking and Finance




ไอเอฟซีที ตีรวน ผู้ถือหุ้นออกเสียงเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ครบ 75% "สมหมาย ภาษี" ระบุแผนควบรวมไม่สะดุด ทหารไทย-ดีบีเอสไทยทนุ-ไอเอฟซีที ดำเนินการควบรวมกิจการตามแผนแน่ เตรียมให้ทหารไทยตั้งโต๊ะแลกหุ้น ด้านทหารไทยกำหนดแผนล้างขาดทุน สะสม 56,000 ล้านบาท ภายใน 1 ปี นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นยังอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนรองรับควบรวมกับ 2 สถาบันการเงิน

วานนี้ (29 เม.ย.) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ จำกัด (มหาชน) และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) ได้ประชุมผู้ถือหุ้นและขอมติควบรวมกิจการกันตามแนวทางที่ได้ลงนามควบกิจการ ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ ทั้ง 3 แห่ง มีมติให้ดำเนินการได้ตามที่เสนอ

นายสมหมาย ภาษี ประธาน กรรมการบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟ ซีที) เปิดเผยภายหลังการประชุม ผู้ถือหุ้นว่า ในการประชุมเมื่อวานนี้ (29 เม.ย.) มีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมจำนวน 66.17% ของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด โดยไอเอฟซีทีได้ขออนุมัติให้เพิกถอนหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรากฏว่าผู้ถือหุ้นอนุมัติด้วยความสมัครใจจำนวน 64.67% คิดเป็น 468 ราย หรือคิดเป็น 98% ของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมด ที่มาประชุม ซึ่งในจำนวนนี้เป็นหุ้นของกระทรวงการคลัง ธนาคาร ออมสิน และธนาคารกรุงไทย 44.2% ไม่อนุมัติ 1.15% คิดเป็น 33 ราย ไม่ออกเสียง 0.15% คิดเป็น 26 ราย และมีผู้ถือหุ้นอีก 3 รายเป็นบัตรเสีย

ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปธนาคาร ทหารไทยจะต้องดำเนินการรับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นทั้งหมด (Tender Offer) โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคม ถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2547 หากสามารถ รับซื้อหุ้นได้เกินสัดส่วน 75% จะมีการจัดประชุมวิสามัญของ IFCT อีกครั้งหนึ่งเพื่อขอมติโอนกิจการ ทรัพย์สิน และพนักงานทั้งหมดให้กับธนาคารทหารไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเรียกประชุมได้ประมาณต้นเดือน สิงหาคม 2547

"จำนวนหุ้นที่ไม่ครบ 75% เนื่องจากหุ้นกว่า 18% อยู่ในธุรกิจ รับฝากหลักทรัพย์ หรือคัสโตเดียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ โดยปกติผู้ถือหุ้นเหล่านี้จะไม่เข้ามาประชุม และอีกกว่า 10% เป็นผู้ถือหุ้นที่ไม่มีสิทธิในการออกเสียง แต่เชื่อมั่นว่าการรับซื้อหุ้นคืนของทหารไทยจะสามารถทำได้เกิน 75% อย่างแน่นอน เมื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไปแล้ว หุ้นที่เหลือราคาก็จะลดค่า ลง" นายสมหมาย กล่าว

นายสมหมายกล่าวต่อว่า หาก IFCT ไม่ได้มีนโยบายในการควบรวมกิจการ หรือเพิ่มทุน ภายในไตรมาสที่ 2 จะไม่สามารถ ดำเนินกิจการต่อไปได้ เนื่องจาก เงินกองทุนอยู่ในอัตราต่ำกว่าเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะไม่สามารถรองรับการขยายตัวของสินเชื่อได้ แต่เมื่อควบรวมกับ 2 สถาบันแล้วจะทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) อยู่ที่ระดับ 9% กว่า ก็สามารถจะดำเนินกิจการต่อไปได้

นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นใหญ่ประจำปีว่าธนาคารจะพิจารณา แผนการล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 56,000 ล้าน บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาแนวทางประมาณ 1 ปี แต่ในระยะนี้ธนาคารยังคงดำเนินการเกี่ยวกับการควบรวมกับธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ และไอเอฟซีทีไปก่อน

"การล้างขาดทุนสะสมจะไม่ใช้วิธีการนำกำไรสุทธิของแต่ละปีมาล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ เพราะหากใช้กำไรในส่วนนี้แล้ว ธนาคารจะต้องใช้เวลาในการล้างขาดทุนสะสมประมาณ 7-8 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานเกินไปสำหรับผู้ถือหุ้น แต่ธนาคารพยายามจะหาแนวทางอื่นมาล้างขาดทุนสะสม ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาและภายหลังจากการควบรวมกิจการแล้วจะทำให้ยอดขาดทุนสะสมของธนาคารยังคงอยู่ในระดับเดิม สำหรับยอดการสำรองของธนาคารในปัจจุบันมีประมาณ 10,000 ล้านบาท อาจจะเป็นส่วน หนึ่งที่จะนำมาใช้ในแผนการล้างขาดทุนสะสม" นายสุภัค กล่าว

นายสุภัค กล่าวอีกว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้นำ 2 สถาบันการเงินดังกล่าวเข้ามาควบรวมด้วย พร้อมกับมีมติเพิ่ม ทุนจดทะเบียนของธนาคารจาก 104,000 ล้านบาท เป็น 181,000 ล้านบาท โดยการออกหุ้นใหม่จำนวน 7,700 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นที่รองรับการแปลงสภาพของธนาคารดีบีเอสไทยทนุและไอเอฟซีทีจำนวน 4,900 ล้านหุ้น ที่เหลืออีก 2,800 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต หากภาวะตลาดเอื้ออำนวย โดยจะส่งผลให้ทุนจดทะเบียนหลังรวมกิจการอยู่ที่ 150,000 ล้านบาท

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ภายหลังการควบรวม กระทรวงการคลังจะลดสัดส่วนหุ้นจากเดิมร้อยละ 40 เหลือร้อยละ 30 ธนาคารดีบีเอสสิงคโปร์จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 16 กองทัพไทยถือหุ้นลดลงจากร้อยละ 13-14 เหลือร้อยละ 7 กลุ่มไทยประกันชีวิตถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 3 และนายพานทองแท้ ชินวัตร ลดสัดส่วนการถือหุ้นจากร้อยะ 4 เหลือร้อยละ 2.68 และจากการหารือกับดีบีเอส สิงคโปร์ ยังไม่มีนโยบายในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นร้อยละ 20 ตามที่เป็นข่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us