Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 เมษายน 2547
ปูนใหญ่กำไรQ1พุ่ง33%ปีนี้ยอดขายโตตามเป้า             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือซิเมนต์ไทย

   
search resources

ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.
ชุมพล ณ ลำเลียง
Cement




SCC โชว์กำไรไตรมาสแรก ปีนี้ 33% ผลจากธุรกิจปิโตรเคมีและซีเมนต์ราคา สูง ยันปีนี้ยอดขายโตตามเป้าที่ 10% พร้อมใช้เงินทุน 4 พันล้านบาท สร้างโรงงานกระเบื้องคอนกรีตและปรับปรุงเครื่องจักรในทุกสายธุรกิจ ขณะที่ยังไม่มีแผนขยับขึ้นราคาปูนซีเมนต์เพราะ ผลิตวัตถุดิบใช้เอง ยังแบกรับต้นทุนไหว

นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูน ซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร จากการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 47 มีกำไร 7,355.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 5,532.90 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มจาก 4.61 บาทเป็น 6.13 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 33% และมียอดขายรวม 43,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยมีกำไรก่อนรายการพิเศษ 7,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 เนื่องจากทุกกลุ่มธุรกิจมีผลประกอบการดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งมีผลตอบแทนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ยังมียอดขายในประเทศสูง

โดยธุรกิจปิโตรเคมี มียอดขายรวม 15,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อน เนื่อง จากราคาขายสูงขึ้นมาก อันเป็นผลจากความต้องการของภูมิภาคและทั่วโลกสูงขึ้นมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังไม่มีกำลังผลิตใหม่ๆ เข้ามาในตลาด

ส่วนธุรกิจซีเมนต์ มียอดขายรวม 9,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศสูงขึ้น ตามภาวการณ์ด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตต่อเนื่อง และธุรกิจวัสดุก่อสร้างมียอดขายรวม 5,375 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะกระเบื้องหลังคาและกระเบื้องเซรามิก

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์มียอดขายรวม 9,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากปีก่อน เนื่องจากมียอดขายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น จากการเติบโตของธุรกิจการพิมพ์และการโฆษณา ซึ่งผลประกอบการในปีนี้ไม่ต่างจากปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบคือเศษกระดาษ และเยื่อกระดาษแพงขึ้นมาก

นายชุมพลกล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังตั้งเป้าที่จะเติบโตประมาณ 10% จากปี 2546 ที่มีรายได้ 148,865 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจในกลุ่มมีแนว โน้มว่าจะโตอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ และยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตเนื่องจากจำหน่ายในประเทศเพียง 50% ของกำลังการผลิตเท่านั้น แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวปีละ 10% แต่ปูนซิเมนต์ยังสามารถรองรับความต้องการได้อีกเกือบ 10 ปี

สำหรับราคาปูนซีเมนต์นั้น บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับเพิ่มราคา แม้ว่าต้นทุนการผลิตปูน ซีเมนต์ในปัจจุบันจะเพิ่มสูงขึ้น เพราะซีเมนต์ของ บริษัทไม่ได้ซื้อวัตถุดิบ แต่ใช้หินปูนที่มีอยู่ภายใน บริษัท ทำให้มีต้นทุนต่ำกว่า หากมีการปรับราคา ขึ้นซีเมนต์ บริษัทจะต้องแจ้งหน่วยงานรัฐที่เกี่ยว ข้องรับทราบก่อน

นายชุมพลกล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคตได้ อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องฝนแล้ง และอุณหภูมิที่สูงขึ้น อาจทำให้อุตสาหกรรมภาคการ เกษตรชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย

ขณะที่ผลการดำเนินงานทั้งปียังมีแนวโน้มที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับปี 46 ซึ่งในระยะสั้นการขยายตัวของที่อยู่อาศัยอยู่ในอัตราเหมาะสม เชื่อว่าธุรกิจในกลุ่มยังดีอยู่ แต่หากการขยายตัวของ ที่อยู่อาศัยมีมากเกินไปจะทำให้ถึงจุดอิ่มตัวเร็ว เพราะกำลังซื้อมีจำกัด ซึ่งจะส่งผลต่อธุรกิจก่อ สร้างด้วย

สำหรับปีนี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาท โดยนำไปใช้ในการปรับปรุงเครื่อง จักรในแต่ละโรงงาน และก่อสร้างโรงงานคือผลิต กระเบื้องซีแพคมุงหลังคา ประมาณ 700 ล้านบาท ด้วยกำลังการการผลิต 5 ล้านตารางเมตร ส่วนที่เหลือจะใช้ปรับปรุงเครื่องจักรทุกสายธุรกิจ

การก่อสร้างโรงงานผลิตกระเบื้องซีแพคมุงหลังคานี้ จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิต ทั้งสิ้น 25 ล้านตารางเมตร โดยโรงงานแห่งนี้ จะแล้วเสร็จ ประมาณปลายปี48 และเดินเครื่องผลิตประมาณ 2 ล้านตารางเมตร และจะเต็มกำลังการผลิตภาย ในปี 2550 คาดว่าบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ทันที หลังจากเริ่มเดินเครื่องการผลิตโดยในปีแรกคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 400 ล้านบาท

สำหรับยอดขายกระเบื้องซีแพคคอนกรีตในปีนี้ โตประมาณ 40% คิดเป็นเงินประมาณ 3 พันล้านบาทในขณะที่ธุรกิจกระเบื้องเซรามิกจะโต เพียง 5% เนื่องจากธุรกิจกระเบื้องคอนกรีตมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถใช้ ทดแทนกระเบื้องตราช้างหรือกระเบื้องอื่นๆ ได้ ในขณะที่กระเบื้องเซรามิกในตลาดต่างจังหวัดเริ่มอิ่มตัวแล้ว

ส่วนเรื่อง การเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งเป็น เรื่องที่ต้องพูดคุยในรายละเอียดให้เข้าใจ คาดว่า ต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่จะลงเอยได้ จึงยังไม่อาจเปิดเผยในเวลานี้ได้ว่าธุรกิจที่จะเข้าไปลงนั้นเป็นธุรกิจใด โดยประเทศแถบประเทศตะวันออกกลางนั้น ยอมรับว่าน่าสนใจที่จะเข้าไป ลงทุนประเทศแหล่งน้ำมันที่จะช่วยในด้านต้นทุน วัตถุดิบในธุรกิจปิโตรเคมี เพราะประเทศแถบนี้หากทำการผลิตปิโตรเคมีใช้เอง จะได้เปรียบมาก เพราะต้นทุนวัตถุดิบจะถูกกว่า

ปัจจุบัน SCC มีหนี้สินสุทธิจำนวน 107,500 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 46 ที่มีหนี้สินสุทธิอยู่ 115,000 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นปี 47 หนี้สินสุทธิน่าจะเหลือเพียง 100,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะนำกำไรจากการดำเนินงานมาใช้ชำระหนี้ และปีนี้จะต้องออกหุ้นกู้อีก 2 ล็อตในปลายปีนี้ประมาณ 11,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินมารีไฟแนนซ์หนี้เก่าด้วย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us