Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 เมษายน 2547
"นครหลวงไทย"ฟุ้งต่างชาติสนใจลงทุนมั่นใจกำไรปี47พุ่งถึง 7-8 พันล้านบาท             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารนครหลวงไทย

   
search resources

ธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารนครหลวงไทย, บมจ.
สมพล เกียรติไพบูลย์
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
Banking




หุ้นนครหลวงไทยเนื้อหอมต่างชาติรุมจีบเพียบ หลังแปลง สภาพวอร์แรนต์ปริมาณหุ้นในตลาดฯ พุ่งกว่า 52% คาดกำไรทั้งปีสูงถึง 7-8 พันล้านบาท ส่วนเรื่องเพิ่มทุนยังไม่จำเป็นยังเหลือใช้พออีก 2 ปี ขณะที่ดอกเบี้ยทั้งสองขายังไม่ปรับเหตุสภาพคล่องยังมีอยู่มาก เล็งลดสัดส่วน ฃการลงทุนในตลาดพันธบัตรหลังผลตอบแทนลด

นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ธนาคารนคร หลวงไทย จำกัด(มหาชน)หรือ SCIB เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารได้เดินทางไปแสดงข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศ จนถึงขณะนี้ นักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนรวมของต่างชาติแสดงความ สนใจเข้ามาลงทุนในธนาคารเป็นอย่างมาก เห็นได้จากสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศได้ เข้ามาถือหุ้นในธนาคารอยู่ 10% ของ หุ้นทั้งหมดในปัจจุบันที่มีการซื้อขาย ในตลาด(ฟรีโฟลต) 17%

นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนต่างประเทศติดต่อเข้ามาขอซื้อหุ้น ของธนาคารอีก 2-3 ราย โดยเฉพาะยุโรป อเมริกา โดยเชื่อว่าเมื่อ มีการแปลงสภาพวอร์แรนต์จำนวน 740 ล้านหน่วย และทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นที่ซื้อขายในตลาดเป็นกว่า 52% และเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะ ถืออยู่ 25% ตามเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กำหนด

สำหรับการแข่งขันทางการเงิน ที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดเสรีทาง การเงินในอนาคตนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารจะต้องมีการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้น เนื่อง จากความสำคัญอยู่ที่การดำเนินงาน ของธนาคารและผลประกอบการมากกว่า ธนาคารไม่ได้มองแค่การแข่งขันในประเทศเท่านั้น ยังมองถึงการแข่งขันนอกประเทศด้วย เพราะทิศทางเศรษฐกิจระยะยาวจะมีต่างประเทศเข้ามาจากการเปิดเสรีทางการเงิน ซึ่งประเทศไทยจะต้องปรับตัว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น การเพิ่มขนาด ตอนนี้ก็ไม่จำเป็น เพราะธุรกิจยังเดินได้ ธนาคารจะเน้นการสร้างผล ประกอบการเป็นหลัก

"ปีนี้ธนาคารคาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 3,600 ล้านบาทเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาคธุรกิจไตรมาสแรกธนาคารมีกำไรสุทธิ 2,135 ล้านบาท โดยเชื่อว่าจะยังรักษาอัตราการทำกำไรไว้ได้ในระดับเดียวกันทุกไตรมาส" นายสมพล กล่าว

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่ม ทุนกิจการ เนื่องจากในขณะนี้ธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส) อยู่ที่ 12% โดยเป็น เงินกองทุนชั้นที่ 1 จำนวน 8% ซึ่ง เงินกองทุนดังกล่าวอยู่ในระดับเพียงพอโดยไม่จำเป็นจะต้องเพิ่มทุนอีกภายใน 2 ปีข้างหน้า

สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากเชื่อว่าในปีนี้จะยังไม่ปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพคล่องในระบบยังมีอยู่จำนวนหลายแสนล้านบาท ประกอบกับประเทศไทยยังมีกำไรจากการส่งออกประมาณเดือนละ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรมีแนวโน้มที่ปรับเพิ่มขึ้นได้สูงเพราะมีความเชื่อมโยงกับอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรต่างประเทศ

ดังนั้น ธนาคารจึงได้มีการปรับลดพอร์ตการลงทุนในพันธบัตร ของธนาคารลงเหลือเพียง 60,000 ล้านบาทเท่านั้น จากปีก่อนที่ลงทุนถึง 90,000 ล้านบาท โดยพันธบัตรที่ธนาคารลงทุนส่วนใหญ่จะอายุประมาณ 3.1 ปี และให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5%

"ผลตอบแทนของพันธบัตรกำลังอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งจะทำให้ราคาของพันธบัตรตกลงไปด้วย ดังนั้น แบงก์จึงขายพันธบัตรออกไปบางส่วนหรือปรับพอร์ตเพื่อลดระยะเวลาการถือครอง ทั้งนี้ตามปกติแบงก์มีกำไรจากการลงทุนในพันธบัตรแต่ละปีประมาณ กว่า 1,000 ล้านบาทขณะที่ในปีที่ผ่านมาแบงก์มีกำไรดังกล่าว 3,000 กว่า ล้านบาท แต่ได้นำกลับมาตั้งสำรอง ทั้งหมด" นายอภิศักดิ์กล่าว

ดังนั้น คาดว่าในปีนี้กำไรของธนาคารที่มาจากกำไรพิเศษจะน้อยกว่าปีก่อนเพราะลดพอร์ตลงทุนในพันธบัตร อย่างไรก็ตามสำหรับผลการดำเนินงานของธนาคารคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต ต่อเนื่องเพราะได้ตั้งสำรองสูงถึง 3,000 ล้านบาทหรือเกินกว่าที่ธปท. กำหนด 70%

สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.17 จากปี 2546ที่มีอยู่ 1.99 และมีแนวโน้มว่าส่วนต่างดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต เนื่องจากการขยายสินเชื่อของธนาคาร และการไถ่ถอนตั๋วเงิน (AMC Note) ซึ่งทำให้ต้นทุนเงินฝากของธนาคารลดลง ซึ่งในอนาคตที่เอเอ็มซีโน้ตหมดก็จะทำให้ขีดการแข่งขันของธนาคารใกล้เคียงกับธนาคารอื่น นอกจากนี้รายได้ ค่าธรรมเนียมของธนาคารยังเพิ่มขึ้นจากการเร่งขยายธุรกรรมและผลิตภัณฑ์

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us