ก้านช่อ กลีบเลี้ยง และดอกใบที่ไหวพลิ้วของกล้วยไม้ดินกอใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้หลายคน
ต้องแวะเวียนเข้าไปดูใกล้ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นงานชิ้นมาสเตอร์พีซที่ทุกขั้นตอนบรรจงปั้นดินด้วยมืออย่างมีศิลปะ เรื่องเล่าและความเป็นมาของราชินีแห่งดอกไม้แต่ละต้น ที่ใส่กรอบบรรยายไว้ใต้ต้นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ยิ่งสร้างความประทับใจให้คนชม
ดินญี่ปุ่นถูกนำมาผสมกับสีที่เจ้าของเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเทคนิคต่างๆ
มานานหลายปี จากนั้นถูกนำมารีดจนแบนเรียบ บางใส ก่อนที่จะนำมาปั้นทีละกลีบๆ
ทีละใบๆ อย่างใจเย็น
ส่วนที่ยากที่สุดอยู่ที่การหาสายพันธุ์ต้นแบบ ที่มีประวัติน่าสนใจ ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของสินค้า
เช่น พันธุ์ซิมบิเดียนดอยตุง เมื่อก่อนกล้วยไม้พันธุ์นี้หาไม่ได้ในเมืองไทย
ต้องเพาะพันธุ์มาจากประเทศ ในยุโรป หากซื้อกิ่งสดผ่านเอเย่นต์ที่ฮ่องกง ราคากิ่งละประมาณ
3,000 บาท จนกระทั่งสมเด็จย่าของ ชาวไทย ได้นำไปเพาะพันธุ์ที่ดอยตุงเป็นผลสำเร็จ
แม้ดอกที่ออกมามีขนาดเล็กกว่าแต่กลีบหนา สวยงาม มาก
ซิมบิเดียนดอยตุง ขายบนดอยตุง จังหวัดเชียงราย ราคา 800 บาทต่อกอ กอหนึ่งมี
3 ช่อ แต่ละดอกสีสันสดใส ความยากของงานชิ้นนี้อยู่ตรงเทคนิคของการถอดแบบ
ซึ่งต้องทำอย่างรวดเร็ว เพราะสีดอกจะค่อยๆ เปลี่ยนไปจนกระทั่งร่วงโรย
ฟาแลนนอปซิส ซิลกี้-มูน แม้ไม่ได้เป็นที่สนใจทางวิชาการมากนักแต่เป็นกล้วยไม้อีกสายพันธุ์หนึ่ง
ที่มีรูปทรงและสรีระสวยงามนิยมนำมาใช้ในการตกแต่งบ้านสไตล์คอนเทมโพลารี่
อย่างมากในยุโรป
การเปิดตัวครั้งแรกที่ศูนย์การค้าใหญ่ใจกลางเมือง อย่างดิเอ็มโพเรียมสะท้อนวิธีคิดของ
อภิญญา จันทร์ประภาพร เจ้าของบริษัท Dindee Orchid ว่าเป็นการทำสินค้าจากดินที่จับกลุ่มผู้มีรายได้สูง
ราคาที่ตั้งไว้เลยมีตั้งแต่กอละ 7,000-50,000 บาท งานแต่ละชิ้นเลยมีวิธีคิดที่ไม่ธรรมดา
แม้ว่าดอกไม้สีสวยเหล่านี้จะไร้กลิ่น แต่การได้อนุรักษ์สายพันธุ์ของกล้วยไม้ที่ค่อยๆ
ทยอยกลายพันธุ์ เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจของคนทำอย่างมากเหมือนกัน