เมื่อเป็นครั้งแรกที่ธนาคารกสิกรไทย มีกรรมการผู้จัดการคนใหม่ ที่ไม่ใช้นามสกุล "ล่ำซำ" ความจำเป็นในการเรียกระดม เพื่อตรวจสอบกำลังพลจึงเกิดขึ้น
ดูเหมือนจะเป็นเหตุบังเอิญที่ในวันที่ 2 เมษายน 2547 ซึ่งเป็นวันที่ "ผู้จัดการ"
ได้ไปสัมภาษณ์สาระ ล่ำซำ ในฐานะที่เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต
ซึ่งสาระได้เน้นย้ำถึง 2 ครั้งในการสัมภาษณ์ว่ากลุ่มล่ำซำยังคง Involve อยู่ในองค์กรที่มีอายุ
54 ปีแห่งนี้
ในวันเดียวกันนั้น ที่ธนาคารกสิกรไทย มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวกรรมการผู้จัดการคนใหม่
และคำพูดเด็ดที่หลุดออกจากปากของ บัณฑูร ล่ำซำ คือ "วันนี้เป็นวันแรกในประวัติ
ศาสตร์ 59 ปี ของธนาคารกสิกรไทย ที่มีกรรมการผู้จัดการที่ไม่ได้ใช้นามสกุลล่ำซำ"
วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2547 ตามปฏิทินจีน ซึ่งจัดทำโดยน่ำเอี้ยงโหราศาสตร์
กำหนดให้เป็นวันธงชัย "เป็นวันที่เลือกเฟ้นฤกษ์ที่ดีแล้ว เหมาะสำหรับเปิดกิจการ
เข้าบ้านใหม่ ฯลฯ" และเป็นวันที่บัณฑูร ล่ำซำ เลือกใช้เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นสามัญ
ประจำปี 2547
วาระในการประชุมในวันนั้น นอกจากการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก
6,500 ล้านบาทแล้ว ยังขออนุมัติตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และแต่งตั้ง
ประสาร ไตรรัตน์วรกุล เข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่
การประชุมเริ่มต้นในช่วงบ่าย และดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงเวลา 17.00 น.
จึงสิ้นสุด หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งบัณฑูร และประสาร ก็เดินคู่กันมาเพื่อเปิดแถลงข่าว
เนื้อหาในการแถลงมีไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่เขาได้พูดไปแล้วในวันเปิดตัวประสารครั้งแรก
เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ดังนั้นการแถลงจึงใช้เวลาเพียงสั้นๆ ไม่ถึง
1 ชั่วโมงก็เสร็จ
แต่สิ่งหนึ่งที่บัณฑูรยืนยันกับผู้สื่อข่าว คือเขายังคงทำงานอยู่ในธนาคารกสิกรไทย
ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) พร้อมทั้งปฏิเสธกระแสข่าว ที่ออกมาก่อนหน้าว่าเขาจะลงไปเล่นการ
เมืองว่าไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง
เสร็จสิ้นจากการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าว ทุกคนถูกเชิญลงมาจากชั้น 8 เพื่อมาที่ลานริมน้ำ
เพื่อร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ใช้ชื่อว่า "ร้อยใจกสิกรไทยเป็นหนึ่งเดียว"
ภายในงานมีการบรรเลงดนตรีที่ผสมผสานกันระหว่างวงปี่พาทย์กับวง K-Band ที่ใช้เครื่องดนตรีสมัยใหม่
บัณฑูรบอกวัตถุประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้บนเวทีว่า "ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ
จัดเพราะอยากจัด แล้วอีกอย่าง เห็นว่าเมื่อช่วงปีใหม่ ธนาคารก็ไม่ได้มีการจัดงานสังสรรค์
และเป็นการแนะนำกรรมการผู้จัดการคนใหม่ให้กับผู้บริหารได้รู้จัก"
คำว่า "ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ" ดูเหมือนจะตรงข้ามกับการเตรียมจัดงาน
เพราะพยายามทำให้เป็นระบบ กำหนดแขกรับเชิญไว้อย่างชัดเจน
ผู้ที่มาร่วมงานในส่วนของธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้บริหารระดับตั้งแต่ผู้อำนวย
การฝ่ายขึ้นไปจนถึงผู้ช่วยและรองกรรมการ ผู้จัดการ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 70
คนเศษ
ในจำนวนนี้กว่าครึ่ง ล้วนอยู่ในวัยหนุ่มสาว อายุระหว่าง 35-45 ปี
ส่วนผู้ร่วมงานในส่วนของสื่อมวลชน นอกจากผู้สื่อข่าวที่ไปฟังการแถลงข่าวในช่วงเย็นแล้ว
ยังมีการเชิญผู้บริหาร ระดับบรรณาธิการของทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และสถานีโทรทัศน์
ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การธนาคาร ไปร่วมงานด้วยเป็นการเฉพาะ
ลานริมน้ำหลังอาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทยในวันนั้น จึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คน
จุดเด่นของงาน นอกจากการที่บัณฑูรได้ขึ้นเวทีเดี่ยวซอสามสายในเพลง "คำหวาน"
โดยให้เหตุผลว่านับจากนี้ไป จะมีแต่การพูดคำหวานระหว่างกันแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประสาร
ได้พบปะ กับพนักงานระดับบริหาร รวมทั้งสื่อมวลชน ระดับบรรณาธิการอย่างใกล้ชิด
เป็นการจัดงานที่ "ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ" แต่แฝงไว้ด้วยวัตถุประสงค์
ที่ต้องตีความกันพอสมควร