การแถลงข่าวประจำปีของสำนักงานทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่
2 ยังคงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างคับคั่ง บรรยากาศในห้องประชุมเทเวศร์
ซึ่งเตรียมที่นั่งไว้ประมาณ 100 ที่นั่ง จึงแน่นขนัดด้วยผู้สื่อข่าวจากสื่อทุกแขนง
ไม่เว้นสื่อต่างประเทศอย่างสำนักข่าวนิคเคอิ
เดิมงานนี้กำหนดไว้ในวันที่ 1 เมษายน 2547 แต่ต้องเลื่อนออกมาเป็นวันที่
9 เมษายน นัยว่าให้รอผลการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของธนาคารไทยพาณิชย์ที่จัดขึ้นในวันที่
8 เมษายน ได้ข้อสรุปเสียก่อน โดยเฉพาะในเรื่องของเงินปันผลที่ธนาคารกำหนดจ่ายเป็นปีแรก
ในอัตราหุ้นละ 1.40 บาท
เนื้อหาในการแถลงข่าว เป็นสิ่งที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้ ดำเนินการมาตลอดปี
2546 โดยมีจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ แสดงบทบาทคล้ายกับผู้ดำเนินรายการ
โดยโยนประเด็นให้ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ให้รายละเอียด และคอยเสริม
เมื่อเห็นว่ามีจุดที่น่าเสริม
จิรายุเริ่มต้นด้วยการประกาศเจตนารมณ์ของสำนักงานทรัพย์สินฯ 4 ประการ คือ
1. ความเป็นธรรม 2. ความมั่นคง 3. การพัฒนาเชิงอนุรักษ์ และ 4. การส่งเสริมประโยชน์ส่วนรวม
ตามรอยพระยุคลบาท
"สำนักงานฯ มีบทบาทที่แตกต่างจากองค์กรอื่นๆ โดยถือหลักการบริหารจัดการภายใต้เจตนารมณ์ทั้ง
4 ข้อ"
แต่ดูเหมือนเนื้อหาที่แถลงจะเน้นหนักไปในประเด็นของเจตนารมณ์ 2 ข้อ คือ
เรื่องความเป็นธรรม และการส่งเสริมประโยชน์ส่วนรวม
โดยเฉพาะประเด็นความเป็นธรรมนั้น ดูคล้ายกับว่าจะเป็น การประกาศกับสังคมว่าที่ผ่านมา
สำนักงานไม่ค่อยได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ในการให้เช่าพื้นที่หลายจุด
ที่ผู้เช่านำไปเช่าช่วงต่อ หรือนำไปหาประโยชน์ แต่ผลตอบแทนที่สำนักงานฯ ได้
รับกลับน้อยมาก ดังนั้นในปีนี้สำนักงานฯ จึงได้ออกนโยบายเกี่ยวกับการโอนสิทธิการเช่า
และการรับสิทธิ กรณีผู้เช่าเดิมถึงแก่กรรมออกมา
โดยเฉพาะการโอนสิทธิการเช่านั้น เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าสำนักงานมีนโยบายห้ามโอนสิทธิการเช่า
ตลอดจนการนำสถานที่ เช่า ออกไปให้เช่าช่วง โดยหากผู้เช่าต้องการโอนสิทธิการเช่า
ถือว่า ไม่ต้องการใช้พื้นที่เช่า จะต้องส่งพื้นที่คืนสำนักงานทรัพย์สินฯเพื่อนำมาจัดประโยชน์ใหม่
และหากผู้เช่ารายใด นำพื้นที่ออกไป ให้เช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาต สำนักงานฯ
จะเรียกพื้นที่คืน เพื่อ นำมาจัดประโยชน์ใหม่ โดยอาจให้ผู้ครอบครองเช่าโดยตรง
หรือ เปิดประมูลเป็นการทั่วไป
ว่ากันว่าพื้นที่ที่อาจจะได้รับผลพวงโดยตรงจากนโยบายนี้ คือพื้นที่บริเวณถนนข้าวสาร
และเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความไม่เป็นธรรมดังกล่าว สำนักงานฯ ได้นำภาพตัวอย่างของพื้นที่หลายแห่ง
ที่ผู้เช่าเป็นคนชรา ป่วย หรือพิการ ซึ่งสำนักงานก็ให้ความเป็นธรรมแก่คนเหล่านี้ให้สามารถอยู่ในพื้นที่ต่อไปได้โดยคิดค่าเช่าในอัตราต่ำ
ส่วนประเด็นการส่งเสริมประโยชน์ส่วนรวมนั้น โครงการที่เด่นชัดที่สุด คือการเสนอโครงการสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างถนนสารสินถึงรัชดาภิเษก
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด ซึ่งถนนเส้นนี้ต้องตัดผ่านที่ดินของสำนักงานฯ
ขนานไปกับคลองไผ่สิงโต โดยสำนักงานฯ ยินดีให้รัฐสามารถเข้าไปใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อก่อสร้างได้
เพื่อประหยัดงบประมาณในการเวนคืน เพียงแต่รัฐต้องออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและดูแลรักษา
โครงการนี้ได้เสนอไปถึงรัฐบาล และได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาศึกษาแล้ว
คาดว่าจะทราบผลได้ในเร็วๆ นี้