นับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารระดับสูงของ Bacardi พร้อมหน้าพร้อมตากันในไทย นั่นเป็นเพราะมีวาระสำคัญของการแถลง ข่าวอย่างเป็นทางการ ณ ผับหรู V9 ชั้น 37 โรงแรมโซฟิเทล สีลม ภายใต้ชื่องาน "Caldbecks becomes Bacardi" หมายความว่า Bacardi ได้ซื้อหุ้นคืนจาก Jardine Group (Multinational Service Group) ซึ่งดำเนินการภายใต้นาม Jardine Wines & Spirits (Thailand) Ltd. จำนวน 50% โดย Calbecks คือบริษัทร่วมทุนระหว่าง Bacardi และ Jardine
การซื้อหุ้นคืนจาก Jardine ครั้งนี้ทำให้ไม่มี Caldbecks McGregor (Thailand)
อีกต่อไป 46 ปีที่มีมาจะถูกสานต่อโดยการบริหารอย่างเบ็ดเสร็จกับหุ้นที่มี
100% ภายใต้นามบริษัท บาคาร์ดี (ประเทศไทย) จำกัด นับตั้งแต่ 1 เมษายน 2547
เป็น ต้นไป มีอำนาจดูแลแบรนด์เหล่านี้ในไทย อันได้แก่ Bacardi Bacardi Breezer
Whytehall Martini Drambule On Ice Dewar's Bombay Sapphire D.O.M.Benedictine
และยังเป็น Distributor แบรนด์อื่นที่ไม่ใช่แบรนด์ของ Bacardi Group อันได้แก่
Southern Comfort Jack Daniel's Finlandia และ Tio Pepe ขณะที่ UPC หรือบริษัท
United Products โรงงานที่นครปฐม Partner สำคัญจะยังคงได้รับการสนับสนุนเช่นเดิม
ในเอเชีย Bacardi Group ถือหุ้น 100% ใน 3 ประเทศ คือ ไทย ไต้หวัน และสิงคโปร์
Rum ขณะที่บางประเทศด้วยข้อจำกัดทางเศรษฐกิจทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจเอง
100% ก็จะดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Partner เช่น ในมาเลเซีย และเกาหลี เป็นต้น
Luis Bach ประธานบริหารเขตภาคพื้นเอเชีย บอกว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้การบริหารจัดการสะดวกมากขึ้น
และที่ Bacardi ลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ด้วยเล็งเห็นว่าไทยมีศักยภาพที่เพียงพอ
มีเศรษฐกิจดี ความสำเร็จของ Bacardi ในไทยก็เป็นที่น่าพอใจ เพราะถือเป็น
1 ใน 3 ประเทศที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของเอเชีย (ไทย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย)
สมพงษ์ โชคพิบูลการ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ให้ทัศนะ ว่า ในไทยตลาดวิสกี้คือตลาดใหญ่
แต่ Trend การดื่มกำลัง move สู่เครื่องดื่ม White Spirit (เหล้าใสไร้สี)
มากขึ้น นั่นก็เป็นโอกาสอันดีสำหรับ Bacardi Rum ในฐานะผู้นำ Trend ในระดับโลกที่จะรุกตลาดได้มากขึ้น
ส่วนนักดื่มรุ่นใหม่โดยทั่วไปมักจะเริ่มจากตัว Breezer ก่อน แล้วค่อยขยับสู่เหล้า
Rum นั่นก็แสดงว่า Bacardi Breezer จะยังเป็นเครื่องดื่มที่สร้างสีสันความสนุกสนานด้วยรสชาติที่ไม่เหมือนใครได้อย่างเร้าใจเช่นเคยกับตอนแรก
Launch เมื่อปี 2544 ขณะที่ไม่ลืม Innovation เพราะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องสอดคล้องกับรสนิยมและไลฟ์สไตล์
ของผู้บริโภคแต่ละประเทศ และอาจเป็นไปได้ว่าจะนำ Bacardi Breezer รส Coconut,
Vanila, Rassberry และ Silver ซึ่งเป็นรสชาติใหม่เสนอแก่ผู้บริโภคคนไทยในไม่ช้า
หากไม่มีแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาด ปีนี้หวังส่วนแบ่ง Bacardi Breezer 40%
ขณะที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งอันดับ 1 ประมาณ 33% จากมูลค่าตลาดรวม Ready To
Drink (RTD) 1,200 ล้านบาท
สิ้นปี 2546 Bacardi Group ปิดบัญชีด้วยยอดขายทั่วโลก ทั้งหมด 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
โตจากเดิม 10%