บอร์ด PTT ไฟเขียวให้ซื้อหุ้นผลิตไฟฟ้าอิสระ 20% มูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก
Siemens AG คาดได้ผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสม 17.7 - 20.3% และสอดคล้องกับนโยบายในการสร้างมูลค่าเพิ่มใน
Gas Value Chain
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT)
เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2547 เมื่อวันที่ 22 เมษายน
2547 ได้มีมติอนุมัติให้ ปตท.เข้าซื้อหุ้นบริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ ประเทศไทย) จำกัด
(IPT) ในสัดส่วนร้อยละ 20ของทุนจดทะเบียน ชำระแล้ว(คิดเป็นจำนวนหุ้น 35.42 ล้านหุ้น)
จากบริษัท Siemens AG จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นปัจจุบันของ IPT และไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับ
ปตท. ในราคา 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 11.29 บาทต่อหุ้น
สำหรับ IPT จัดตั้งขึ้นเพื่อประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนราย
ใหญ่ (IPP) มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ฉบับลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2540 กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) โดย กฟผ.ตกลง รับซื้อไฟฟ้าจำนวน 700 เมกะวัตต์ จาก โรงไฟฟ้าความร้อนร่วม
(ใช้ก๊าซธรรม ชาติเป็นเชื้อเพลิง) เป็นระยะเวลา 25 ปี นับจาก Commercial Operation
Date (เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2543)
โดย ปัจจุบัน IPT มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 1,771 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ
177.1 ล้านหุ้น ราคามูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท และมีราคาตามมูลค่าทางบัญชี 24.73
บาทต่อหุ้น
การเข้าซื้อหุ้น IPT ในครั้งนี้ เนื่องจากปตท.คาดว่าจะได้รับผลตอบ แทนการลงทุนที่เหมาะสมที่ระดับประมาณร้อยละ
17.7 - 20.3, การซื้อ หุ้น IPT มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจาก IPT มีการดำเนินการอยู่แล้ว
โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดให้กับ กฟผ.ระยะเวลา 25 ปีและ IPT มีพื้นที่และศักยภาพในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมในอนาคตซึ่งจะส่งผลให้
ปตท.ได้รับผลตอบแทนการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วยรวมทั้งสอด คล้องกับนโยบายในการสร้างมูลค่าเพิ่มใน
Gas Value Chain
ภายหลังการซื้อแล้ว จะทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ(ประเทศไทย)
จำกัด เปลี่ยนไปจากเดิม คือจะมีผู้ถือหุ้นในสัดส่วนดังนี้คือ บริษัท ไทยออยล์เพาเวอร์
จำกัด 56 % บริษัท ยูโนแคล เอเชีย-แปซิฟิก เวนจอร์ส จำกัด 24% และ ปตท. 20%
อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนิน งานปีนี้จะดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจ ปิโตรเคมีและธุรกิจโรงกลั่นยังมีรายได้
ที่ดีรวมทั้งราคาน้ำมัน ราคาก๊าซหุงต้ม ในตลาดโลกอยู่ในภาวะที่ยังสูงอยู่ ความต้องการใช้พลังงานยังขยายตัว
อย่างไรก็ตาม ผลกำไรคงไม่สามารถก้าวกระโดดเหมือนกับปี 2546 ที่มีกำไรขยายตัวจากปี
2545 ถึงร้อยละ 61
โดยรายได้ในปี 2547 จะไม่ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่สูงกว่าปี 2546 ประมาณร้อยละ
10 หรือมีรายได้ประมาณ 550,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผล มาจากผลประกอบการของบริษัท รวม
ทั้งบริษัทในเครือที่คาดว่าจะยังดีขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 2546 ปตท. มีรายได้ จากการขายประมาณ 494,008 ล้านบาท มีกำไรสุทธิประมาณ
39,400 ล้าน บาท กำไรต่อหุ้น 14.09 บาท และจ่าย ปันผล 4 บาท โดยที่ประชุมผู้ถือ
หุ้นอนุมัติจ่ายปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้