"กลุ่มโรงแรมเซ็นทรัล" ทุ่ม 8,200 ล้านบาท รุกธุรกิจ โรงแรม-อาหารเต็มสูบ
เล็งชิงประมูล บริหารโรงแรมสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมรุกสร้างโรงแรมย่านเซ็นทรัล
บางนา มั่นใจ 3 ปีเสร็จพร้อมรับสนาม บินเกิดปี 49 ลุยขยายธุรกิจเซ็นทารา สปา โกอินเตอร์
ส่วนธุรกิจอาหารรุกสร้างแบรนด์ใหม่ ตั้งเป้าปี 47 รายได้รวมพุ่ง 5,200 ล้านบาท
นายแดน ชินสุภัคกุล ที่ปรึกษา คณะกรรมการบริหารฝ่ายการเงิน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา
จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจกลุ่มโรงแรมและกลุ่ม อาหาร เปิดเผยว่า แผนการขยายธุรกิจ ปีนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุน
8,200 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนในธุรกิจกลุ่มโรงแรม 8,000 ล้านบาท 4 โรงแรม คือ
โรงแรมเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างปี 2548,โรงแรมเซ็นทรัล กระบี่
คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเดือนเมษายน 2548 โรงแรมกะรนจะสร้างห้องพักเพิ่ม
300 ห้อง และปรับปรุงห้องประชุม นำรถเมอร์ เซเดสมาให้บริการ โรงแรมเซ็นทรัลวงศ์อมาตย์บีช
รีสอร์ท ปรับปรุงและสร้างห้องพักใหม่ 470 ห้อง ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะมีห้องพักโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก
2,000 ห้อง เป็น 4,000 ห้อง
ขณะนี้มีกลุ่มผู้บริหารหลายราย สนใจร่วมทุนในโรงแรมเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา แต่บริษัทจะเลือกเพียงรายเดียว
คาดว่าจะเป็นกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ขณะที่กลุ่มเซ็นทรัลเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
51%
นอกจากนี้มีแผนเข้าไปประมูลบริหารโรงแรมที่สนามบินหนองงูเห่า รวมถึงการเตรียมแผนรองรับ
สร้างโรงแรมในบริเวณห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ซิตี้ บางนา พื้นที่ 7 ไร่ เพื่อรองรับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งจะสร้างเสร็จในปี
2549 เนื่องจากบริเวณเซ็นทรัล ซิตี้ บางนา เป็นพื้นที่ทำเลทองห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง
10 กิโลเมตร สามารถเดินทางถึงสนามบินเพียง 25 นาที คาดใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี
"ใน 2 ปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนระดมทุน เพราะปัจจุบันมีสินทรัพย์รวม 5,953
ล้านบาท มีสัดส่วนหนี้ 1.1 เท่า คาดว่าภายใน1-2 ปี สัดส่วนหนี้จะเพิ่มเพียง 2.5
เท่า แต่ขณะนี้บริษัทได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทจากหุ้นละ 10 บาท
เป็นหุ้นละ 5 บาท เพื่อให้หุ้นมีสภาพคล่องขึ้น"
ในปีนี้บริษัทยังได้วางแผนที่จะขยายธุรกิจเซ็นทารา สปา ซึ่งเป็นธุรกิจของบริษัทเอง
ไปที่มัลดีฟส์ และประเทศเกาหลี หลังจากที่ได้ขยายธุรกิจสปาไปแล้วที่ประเทศเวียดนามในโรงแรมหงส์เจียง
เมืองเว้ ซึ่งปัจจุบันเป็นโรงแรมระดับสองดาว โดยมีแผนจะปรับปรุงยกระดับการบริการมากขึ้น
รวมถึงจะพิจารณาเข้าไปบริหารในโรงแรมเชนอื่นๆด้วย
"ปีที่แล้วธุรกิจโรงแรมของบริษัทได้รับผลกระทบจากโรคซาร์ส และสงครามสหรัฐอเมริกากับอิรัก
รวมถึงการเปิดโรงแรมเซ็นทรัลเมอริไทม์ ดิลี ในประเทศติมอร์ตะวันออก รายได้ก็ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ทำให้รายได้ธุรกิจกลุ่มโรงแรมลดลง 106 ล้านบาท จากการมีรายได้ในปี 2546 เพียง 1,840
ล้านบาท เทียบกับปี 2545 มีรายได้ถึง 1,940 ล้านบาท ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต
25% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,300 ล้านบาท จากอัตราเข้าพักเพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้วอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี
60%"
ส่วนงบลงทุนที่เหลืออีก 200 ล้านบาท จะขยาย ธุรกิจกลุ่มอาหาร 6 แบรนด์หลัก ได้แก่
เคเอฟซี, พิซซ่า ฮัท, มิสเตอร์โดนัท, อานตี้แอนส์, สเต็ก ฮันเตอร์ และบาสกิ้นรอบบิ้นส์
ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 343 สาขา โดยในปีนี้บริษัทจะลงทุนขยายเพิ่มสาขาอีก 40-50
แห่ง และจะเปิดแบรนด์ใหม่อีกแบรนด์ โดยช่วง 3 ปีนี้จะรุกธุรกิจกลุ่มอาหารมากขึ้น
ปีที่ผ่านมามีรายได้จากธุรกิจอาหาร 2,677 ล้านบาท ปี 2547 ตั้งเป้าธุรกิจกลุ่มอาหารจะเติบโต
12-13% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,800-2,900 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการโดยรวมปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้จากธุรกิจกลุ่มอาหารและธุรกิจกลุ่มโรงแรม
5,100-5,200 ล้านบาท โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 4,516 ล้านบาท กำไรสุทธิ
279.2 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.10 บาทต่อหุ้น เทียบกับปี 2545 บริษัทมีรายได้รวม
4,486 ล้านบาท กำไรสุทธิ 223.9 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.49 บาทต่อหุ้น