PICO ไตรมาสแรกกำไรพุ่ง 426% ผลจากยอดขายที่โตขึ้นจากการเปิดรับลูกค้าในธุรกิจหลากหลาย
และเร่งหาลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ปีนี้ทำเงินได้มากจากการจัดงานแสดง
บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา เพื่อทำเงินเข้าบริษัท มั่นใจปี
47 รายได้โตกว่าปีที่ผ่านมา
นายพิเสฐ จึงแย้มปิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด
(มหาชน) (PICO) เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปี 47 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.36 ล้านบาท ซึ่งเพิ่ม
ขึ้นจาก 1.59 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 6.77 ล้านบาท หรือ 426% เนื่องจากยอดขายในไตรมาสที่แรกปี
47 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 125 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้
80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 45 ล้านบาท คิดเป็น 55%
เนื่องจากเกิดจากบริษัทมีรายได้ทางด้านงาน Exhibition สูงขึ้น โดยเฉพาะจากงานแสดงสินค้าประเภทรถยนต์
รวมถึงบริษัทได้จัดกิจกรรมทางการตลาดให้ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น
เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย Johny Walker Classic
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 ปีนี้ ก็ยังจะมีรายได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ผลจากงานบางกอก
อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ว่ามียอดขายสูงถึง 95 ล้านบาท จากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่
และเต็นท์ปรับอากาศของผู้จัดงาน ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้รายได้ปี 2547 โตกว่าเป้าที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ มองว่าการที่รัฐบาลมีนโยบายหันมาสนับสนุนให้ไทยเป็น ดีทรอยต์
ออฟ เอเชีย ด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การทบทวนระบบจัดเก็บภาษีรถยนต์นำเข้า และการแบ่งเขตการลงทุนอุตสาหกรรมรถยนต์
จนส่งผลให้มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งทางบริษัทฯ เองก็มีโอกาสจะขยายฐานกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน
สำหรับงานที่มีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายให้โคโลราโด
รถปิกอัพแบรนด์ใหม่ของเชฟโรเลต การทำพิพิธภัณฑ์ให้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ การออกแบบและจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ที่แม่เมาะ
การจัดซื้อจัดหาคุรุภัณฑ์อุปกรณ์พิเศษ โครง การก่อสร้าง และย้ายโรงเรียนเตรียมทหาร
กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ การจัดทำนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาพระมหาธาตุเจดีย์
ที่ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ กับกองทัพอากาศ เป็นต้น
นอกจาก PICO เตรียมรับมืองานด้าน การตลาดที่เพิ่มเติมจากที่เจาะอยู่แล้ว คือกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์
และกลุ่มโทร-ศัพท์มือถือแล้ว PICO ยังเตรียมเจาะกลุ่ม ลูกค้าเป้าหมายในสายอุตสาหกรรมอื่นๆ
เพิ่ม มากขึ้น เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว บริษัทประกันชีวิต และบริษัทขายตรง
เป็นต้น เนื่องจากแนวโน้มของกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวมุ่งเน้นกลยุทธ์ Below the
line กันมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจากแผนการลงทุน และงานที่ได้รับในปี 47 มีความเป็นไปได้อย่างมากที่รายได้ของบริษัทจะสูงขึ้นกว่าที่ตั้งไว้
ซึ่งจะเห็นได้จากผลงานไตรมาสแรกปี 47 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.36 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น
0.57 บาท
