Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 เมษายน 2547
SYNTEC รอลุ้นกลับหมวดปกติ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ไทยพาณิชย์, บล.
รถไฟฟ้ากรุงเทพ, บมจ.
สยามซินเท็ค คอนสตรัคชั่น
เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง, บมจ.
ไฟฟ้าชนบท
สมชาย ศิริเลิศพานิช
Construction
บุณยพงศ์ สาระเกษตริน




วานนี้(22เม.ย.) บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์จัดสัมมนามหกรรมจับเข่าเม้าท์หุ้นกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท สยาม ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC และบริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด หรือ PLE

นายสมชาย ศิริเลิศพานิช รองประธานกรรมการ กลุ่มบริหาร บริษัท สยาม ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นเรื่องขอย้ายจากหมวด Rehabco กลับหมวดปกติต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปแล้วเมื่อ2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของตลาดหลักทรัพย์ฯ

แต่อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมามีประเด็นติดขัดกรณีที่บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานภายหลังรับรู้ดอกเบี้ยจ่าย (Cash flow for operation) ติดลบ อยู่ประมาณ 100-200 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนขยายงาน ซึ่งกรณีดังกล่าวจะต้องรอการสรุปคุณสมบัติจากตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง

"ตลาดหลักทรัพย์ฯมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้บริษัทพ้นเหตุเพิกถอนและย้ายหลักทรัพย์ของบริษัทกลับหมวดปกติ ได้โดยบริษัทที่เห็นว่าตนมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานดีอาจมีหนังสือขอให้ ตลท.พิจารณาพ้นเหตุเพิกถอนและย้ายหลักทรัพย์ของบริษัทกลับหมวดปกติได้โดยแสดงเหตุผลหรือข้อมูลสนับสนุน ซึ่งตลท.จะพิจารณา"

สำหรับคุณสมบัติที่ตลท.กำหนดให้บริษัทย้ายกลับหมวดปกติได้มีดังนี้ คือ ส่วนของผู้ถือหุ้นภายหลังปรับปรุงความเห็นผู้สอบบัญชีมีค่ามากกว่าศูนย์, กำไรสุทธิจากการดำเนินงานในธุรกิจหลัก 3 ไตรมาสติดต่อกัน หรือ 1 ปีก่อนยื่นคำขอ,ปรับโครงสร้างหนี้ได้ไม่น้อยกว่า 75% ของมูลหนี้ทั้งหมดและในช่วงเวลา 3 ไตรมาสติดต่อกัน หรือ 1 ปีก่อน บริษัทสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลา,กระแสเงินสดจากการดำเนินงานภายหลังรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายมากกว่าศูนย์ และสามารถแสดงได้ว่าบริษัทจะมีฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่มั่นคงและเป็นอย่างต่อเนื่อง

นายสมชาย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมประมาณ 150 ล้านบาทได้ในปีนี้ ซึ่งบริษัทสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการขอลดหย่อนภาษีในแต่ละปีได้ ส่วนหนี้เสียเก่าบริษัทก็ได้ตั้งสำรองเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างติดตามหนี้

ปัจจุบันบริษัทมีงานที่ได้เซ็นสัญญากับลูกค้าแล้ว (Blacklog) จำนวน 22 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 7,400 ล้านบาท โดยเป็นงานของรัฐบาล 42% มูลค่าประมาณ 4,300 ล้านบาท และเอกชน 58% มูลค่า 1,200 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการก่อสร้างในปี นี้ประมาณ 4,700 ล้านบาท และจะรับรู้ได้อีกในปี 2548 จำนวน 2,000 ล้านบาท และในปีนี้ SYNTEC เตรียมที่จะยื่นประมูลงานอีกประมาณ 4-5 พันล้านบาท

ส่วนความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น จะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน มากนัก เนื่องจากต้นทุนการทำงานของบริษัทที่เกิดจากวัสดุก่อสร้าง อาทิ เหล็กและปูน คิดเป็นสัดส่วน 15-20% ของต้นทุนทั้งหมดเท่านั้น

นายสมชาย กล่าวถึงกรณีที่บริษัทเข้าถือหุ้นบริษัท รถไฟฟ้า กรุงเทพ จำกัด (BMCL) จำนวน 3,450,000 หุ้นราคาหุ้นละ 150 บาท (ราคาพาร์ 100 บาท) รวมเป็น เงินประมาณ 517 ล้านบาท คิดเป็นถือหุ้น 5% และมีกระแสข่าวว่าภาครัฐได้เจรจาขอซื้อหุ้น BMCL จากเอกชนนั้น บริษัทได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาทางการเงินคือ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด กำหนดราคาเสนอขายที่เหมาะสมไว้ที่ 3 บาทต่อหุ้น แต่ภาครัฐต้องการซื้อที่ราคา 1.50 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ การเจรจาและการตกลงราคาซื้อขายจะขึ้นอยู่ กับคณะกรรมการของ BMCL และภาครัฐ

โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้หลังจากที่บริษัท เข้าจดทะเบียนในตลาดเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ BMCL ยังเตรียมจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ ในขณะนี้ได้ยื่นไฟลิ่งแล้ว คาดว่าจะสามารถ ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ประมาณไตรมาส 3 ปีนี้

นายบุณยพงศ์ สาระเกษตริน รองประธานกรรมการ บมจ. เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (PLE) เปิดเผยเกี่ยวกับ ความคืบหน้าในแผนลงทุนโครงการบริษัท ไฟฟ้าชนบท จำกัด ว่าได้รับทราบผลการตรวจสอบสถานะของกิจการ (due diligence) แล้ว ขณะนี้กำลังรอผลสรุปเรื่องที่ดิน และแกลบ ว่าโรงสีจะมีวัตถุดิบสำหรับผลิตไฟฟ้าส่งให้สม่ำเสมอหรือไม่ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ประมาณเดือน พ.ค. และถ้ามีการก่อสร้างก็จะเริ่มประมาณปลายปี 48 จากการประเมินเบื้องต้นโครงการดังกล่าวจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในเวลา 5-7 ปี โดยจะผลิตไฟฟ้าและส่งขายให้กับ กฟผ.ประมาณ 16 เมกะวัตต์ ที่เหลือ 2 เมกะวัตต์ ใช้เองภายในโครงการ การลงทุนซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท ไฟฟ้าชนบท จำกัด ของบริษัทซึ่งเป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้ากำลังการ ผลิตขนาด 18 เมกะวัตต์ โดย ใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิง มีแผนจะก่อสร้างโรงงานที่จังหวัดลพบุรี เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 1,100 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ลงทุน 25% เงินกู้ 75% โดยบริษัทร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 67 นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมแผนที่จะรับงานในประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งน่าจะมีกำไรสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับในประเทศ

ทั้งนี้ ในปี 2546 ที่ผ่านมา บริษัทมี Blacklog ในมือ 4,700 ล้านบาท แต่รับรู้ได้เพียง 1,500 ล้านบาท เนื่องจากมีการส่งมอบงานล่าช้า ซึ่งคาดว่างานส่วนที่เหลือจะโอนมารับรู้ในปีนี้ทั้งหมด 3,500 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะประมูลงานเพิ่มได้อีก 4,000-5,000 ล้านบาท "ปัจจุบัน งานรับเหมาก่อสร้างและวางระบบค่อนข้างสูง แต่บริษัทฯ ยังเชื่อว่าจะสามารถรักษาอัตรา gross margin ไว้ที่ระดับประมาณ 18-20%" นายบุณยพงศ์ กล่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us