บอร์ด AEONTS อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือุหุ้น อัตราหุ้นละ 2.10 บาท
พร้อมให้แตก พาร์จากหุ้นละ 5 บาทเหลือ 1 บาท หลังผลการดำเนินงานงวดปี 46 โชว์กำไรงามโตขึ้นถึง
34.24% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากทุกธุรกิจกำไรยังเติบโตต่อเนื่อง
นายมาซาโอะ มิซูโน กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด
(มหาชน) (AEONTS) เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการ ครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 20 เมษายน
2547 ว่า มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการจัดสรรเงินกำไรและการจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีประจำปี
2546 โดยให้จ่ายเงิน ปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 2.10 บาท (กรณีภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น
เป็นหุ้นละ 1 บาท จะคิดเป็น การจ่ายเงิน ปันผลในอัตราหุ้นละ 0.42 บาท) ภาย ในวันที่
8 กรกฎาคม 2547
ทั้งนี้ เงินปันผลดังกล่าวข้างต้น เป็นการจ่ายเพิ่มให้จากเงิน ปันผลระหว่างกาลที่บริษัทได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วเมื่อวันที่
20 ตุลาคม 2546 ในอัตราหุ้นละ 1.80 บาท(พาร์ 5 บาท )รวมเป็นเงินปันผลทั้งปีเท่ากับ
3.90 บาท (กรณีภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น เป็นหุ้นละ 1 บาท จะคิดเป็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ
0.78 บาท)
โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนหุ้นเพื่อกำหนดผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่
24 พฤษภาคม 2547 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ยังมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมมูลค่าหุ้นละ
5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท โดยทุนจดทะเบียนของบริษัทจะคงเดิม คือ 250,000,000 บาท
แต่จำนวนหุ้นสามัญจะเพิ่มขึ้นจาก 50,000,000 หุ้น เป็น 250,000,000 หุ้น
กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2547 ในวันที่ 10 มิถุนายน 2547 เวลา 10.00
น. ณ ห้องพิมานแมน โรงแรม Four Seasons
กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อหยุดพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
2547 ของบริษัทในวันที่ 24 พฤษภาคม 2547 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ
พร้อมกันนี้ AEONTS เปิดเผยผลการดำเนินงานงบปี 46 สิ้นสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์
2547 ปรากฏผลการดำเนินงานของ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 622.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
158.83 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.24% ทั้งนี้ เป็นผลมาจาก บริษัทฯ สามารถเพิ่มรายได้
และควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในปี 2546 เป็นผลจากการขยายเครือข่ายและเพิ่มจำนวนบัตรเครดิต
รวมทั้งประสิทธิภาพของการบริหารการจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการให้บริการแก่ลูกค้า
เนื่องจาก ในงวดนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,054.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี
45 เกือบ 13% เป็นผลมาจากการขยายเครือข่ายและเพิ่มจำนวนบัตรเครดิต ประสิทธิภาพของการบริหารการจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และการให้บริการแก่ลูกค้า รวมทั้งมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้รายได้หลักคือธุรกิจบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น
26% จากปีก่อน