ตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจไม่เหลือบริษัทอยู่ในหมวดรีแฮบโกภายในไตรมาสแรกปี 49 ขณะที่ภายในปีนี้มี
15 บริษัทที่จะย้ายกลับไปสู่หมวดปกติ ผลสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการและปรับโครงสร้างหนี้ทำให้มูลค่าตลาดรวมสูงกว่า
176,000 ล้านบาท ณ วันที่ 2 เมษายน 2547 ด้านตลาด MAI รับหุ้น บิซิเนส ออนไลน์
(BOL) เทรด 21 เม.ย.หลังสั่งรับ PICO เทรดวันนี้ (20 เม.ย.)
นายศรายุทธ บุญเจริญ ผู้ช่วย ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2547 ตลาดหลัก ทรัพย์มีเป้าหมายจะมีบริษัทจากในหมวดรีแฮบโก
(Rehabco) ย้ายกลับไปซื้อขายในหมวดปกติได้ประมาณ 15 บริษัทจากปัจจุบันที่มีอยู่จำนวน
44 บริษัท ทำให้จะมีหุ้นในหมวดรีแฮบโกลดลงเหลือ 29 บริษัท ในจำนวนนี้มีบริษัทที่จัด
ทำแผนฟื้นฟูที่เหมาะสมแล้ว และรอผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้
เพื่อย้ายกลับไปหมวดเดิม 12 บริษัท และคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณ 5-6 บริษัทภายในไตรมาส
2 ของปี 2547
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้มีการติดตามบริษัทที่ยังอยู่ในระหว่างการ ฟื้นฟูอย่างใกล้ชิด
โดยจะมีการทบทวนความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการทุกๆ 6 เดือน โดยตลาดหลักทรัพย์จะมีการพิจารณาข้อมูล
ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในหมวดรีแฮบโกอีกครั้ง เมื่อมีการรายงานผลการดำเนินงาน
ไตรมาส 1 ซึ่งมีเพียง 2-3 บริษัทเท่านั้นที่มีความน่าเป็นห่วง
หากบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานติดต่อกัน
3 ไตรมาสหรือมีกำไรภายใน 1 ปี และมีการปรับโครงสร้างหนี้ที่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด
ก็จะสามารถย้ายกลับไปหมวดปกติ ได้ คาดว่าภายในเดือนมีนาคม 2549 จะไม่มีบริษัทจดทะเบียนคงเหลือในหมวดรีแฮบโกเลย
ทั้งนี้ความสำเร็จในการเพิ่มทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการและปรับโครง สร้างหนี้จะเห็นได้จากความสามารถ
ของบริษัทที่อยู่ในหมวดรีแฮบโก ที่สามารถระดมเงิน ทุนเพิ่มได้ถึง 116,724 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นการแปลงหนี้เป็นทุนประมาณ 97,592 ล้านบาท และการ เพิ่มทุนโดยหาผู้ร่วมทุนใหม่และหรือผู้ถือหุ้นเดิม
19,132 ล้านบาท
ส่วนบริษัทที่ย้ายกลับไปซื้อขายในหมวดเดิมแล้วจำนวน 10 บริษัทตั้งแต่เดือนเมษายน
2546 และบริษัทที่เปิดซื้อขายในหมวดรีแฮบโก ในปัจจุบันจำนวน 15 บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด
รวมเพิ่มขึ้นจากเดิม 8,986 ล้านบาท เป็น 176,064 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 20
เท่า
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
นับตั้งแต่จัดตั้งหมวดรีแฮบโก ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2541 มีบริษัทที่ย้ายเข้ามาอยู่ในหมวดนี้รวม
95 บริษัท โดยในช่วงปี 2541-2545 การปรับโครงสร้างหนี้ในระบบมีความล่าช้า จนเป็นเหตุให้บริษัทจดทะเบียนในหมวดรีแฮบโกจำนวน
29 บริษัทถูกเพิกถอน และบางส่วนขอเพิกถอนโดยสมัครใจ มีเพียงจำนวน 9 บริษัทในระยะเวลา
5 ปีที่สามารถฟื้นฟูกิจการสำเร็จ และย้ายกลับหมวดเดิมได้
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของบริษัทในหมวด รีแฮบโกมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาเฉพาะในช่วงปี 2546 มีบริษัทย้ายกลับหมวดปกติถึง 10
บริษัท ทำให้ปัจจุบันมีบริษัทในหมวดรีแฮบโกเหลือจำนวน 44 บริษัท และภายในปี 2546
ภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประกอบกับการใช้มาตรการเชิงรุกของตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ไตรมาส
4 ของปี 2545 เพื่อช่วยบริษัทจดทะเบียนในการปรับโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูกิจการอันเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้ถือหุ้นสาธารณชน
พร้อมทั้งแสดงเจตนารมณ์และนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ที่ชัดเจนต่อแนวทางฟื้นฟูกิจการของบริษัทในหมวดรีแฮบโก
โดยเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเห็นประโยชน์จาการใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา
"ตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดแนวทางดำเนินการกับบริษัทในหมวดรีแฮบโก โดยเน้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างหนี้ที่คำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นของบริษัทในหมวดรีแฮบโก
ซึ่งมีอยู่กว่า 120,000 รายที่เคยได้รับ ความเสียหายจากการลงทุนในบริษัทดังกล่าว
ได้มีโอกาสได้มูลค่ากลับคืนตามสมควร" นายกิตติรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ยังได้กำหนดนโยบายและดำเนินการในเชิงรุกหลายประการ เช่น จัดตั้งทีมงานเข้าดูแลปัญหาและให้คำปรึกษาในการปรับโครงสร้างหนี้
รวมถึงการประสานงานให้เกิดการเจรจาระหว่างเจ้าหนี้และบริษัทจดทะเบียน พร้อมกับมีการทบทวนกฎเกณฑ์และแนวทางการดำเนินงานกับบริษัทในหมวดรีแฮบโก
เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างหนี้ และให้มั่นใจว่าบริษัทที่ได้รับการฟื้นฟูจะสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจ
ได้อย่างแข็งแรงและต่อเนื่อง
ด้านนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานศูนย์ ระดมทุนและตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
(ตลท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลท. อนุมัติรับหลักทรัพย์จดทะเบียนสองบริษัท คือบริษัท
ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (PICO) และบริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน)
(BOL) เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI)
บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจบริหารกิจกรรมทางการตลาดและสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้า
โดยผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ มีทุนชำระแล้ว 65 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญซึ่งเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนจำนวน
64.67 ล้านหุ้น และหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 330,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
โดยหุ้นสามัญจะเข้าจดทะเบียนในหมวดอุตสาหกรรมธุรกิจ ขนาดกลาง และเริ่มซื้อขายวันที่
20 เม.ย. 47 ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "PICO"
PICO เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกจำนวน 26 ล้านหุ้น เป็นการเสนอขายหุ้นเดิมจำนวน
6 ล้านหุ้น และหุ้นเพิ่มทุน 20 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 40 ของทุนชำระแล้วหลังเพิ่มทุนที่ราคา
6.25 บาทต่อหุ้น บริษัทมีแผนที่จะนำเงินทุนที่ระดมได้ไปลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจที่สอดคล้องและส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัท
เพื่อขยายการ ดำเนินธุรกิจในอนาคตและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับบริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้บริการข้อมูล ข่าวสาร
วิเคราะห์ และตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ และให้บริการขายข้อมูลรายงานออฟไลน์ต่างๆ BOL
มีทุนชำระแล้ว 75 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ
1 บาท เข้าจดทะเบียนในหมวด อุตสาหกรรมธุรกิจขนาดกลาง โดยเริ่มซื้อขายในวันที่ 21
เม.ย. 47 ใช้ชื่อย่อว่า "BOL" มีบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน)
เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
BOL ได้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก รวม 19,770,000 หุ้น หรือร้อยละ 26.36
ของทุนชำระแล้วหลังการเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 3.80 บาท