ผู้บริหารกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เผย ล่าสุดกองทุนลงลุยหุ้นไม่ถึงพันล้าน ส่วนใหญ่ลงทุนในตั๋วเงินคลัง
80-90% ขณะที่กระทรวง การคลังอาจปรับเกณฑ์การลงทุนใหม่หลังประชุมคณะกรรมการกองทุนสัปดาห์นี้
พร้อมทั้งอาจหารือลดค่าธรรมเนียมบริหารกองทุนอย่างเป็นทางการ
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี
จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการกองทุนมีมติให้นำเงินของ
กองทุนจำนวน 30,000 ล้านบาท ไปลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้
กองทุน ได้เริ่มเข้าไปลงทุนแล้วตั้งแต่บ่ายวันที่ 2 เมษายน 2547 ที่ผ่านมา แต่เป็นสัดส่วนไม่มากนัก
คิดเป็นเม็ดเงินไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการทยอยเข้าลงทุนเพื่อไม่ให้กระทบต่อตลาดโดยรวมขณะที่กองทุนเองก็ต้องพิจารณาจังหวะที่เหมาะสมด้วย
สำหรับจำนวนเงินที่เหลือ ได้ลงทุนในตั๋วเงินคลัง ตราสารทางการเงินพันธบัตรระยะสั้น
และเงินฝากธนาคาร เป็นต้น โดยลงทุนในตั๋วเงินคลังเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 80-90% และขณะนี้ได้เตรียมไว้ลงทุนหุ้นไอพีโอ
ใช้สิทธิเพิ่มทุนและเตรียมไว้ลงทุนใน หุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ ซึ่งมีทั้งสิ้น
25 ตัวด้วย
นายพิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยหลักการแล้ว เงินกองทุนในส่วน 21,000 ล้านบาท
ซึ่งเป็นกำไรที่กองทุนได้รับจากการซื้อกองหลักทรัพย์ 11 รายการของกระทรวงการคลังในราคาส่วนลด(ดิสเคานต์)
และกองทุนต้องกันไว้สำรองจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนนั้นสามารถนำไปลงทุนได้ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์
แต่กองทุนเห็นว่าเม็ดเงินจำนวน 30,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนในตลาดหุ้น ถือเป็นจำนวนที่มากแล้วยังไม่มีความจำเป็นต้องนำส่วนนี้ออกมาลงทุนในตลาดหุ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินการกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ได้ออกมาระบุว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนแผน การลงทุน โดยให้มีการนำเงินกองทุนในส่วนของ
70,000 ล้านบาท ที่ได้จากการระดมทุนจากประชาชน มาลงทุนในหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ซึ่งมีทั้งหมด
25 ตัว ขณะที่เงินกองทุนในส่วน 30,000 ล้านบาท ให้มีอิสระที่จะลงทุนในหุ้นได้ทุกตัวตามที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(กลต.)
พิจารณาว่าสามารถทำได้ โดยคณะกรรมการกองทุนจะมีการประชุมกันอีกครั้งในสัปดาห์นี้
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายของกองทุนนั้น นายพิชิต กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังได้แจ้งความประสงค์เบื้องต้นแล้วว่า
ต้องการให้กองทุนลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการลงอีก แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ในรายละเอียด
ซึ่งขณะนี้ กองทุนคิดค่าธรรมเนียมใน การบริหารจัดการ 0.08% ถือเป็นอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบ
กับราคารับจ้างปกติของกองทุนซึ่งคิดประมาณ 1-1.5%
"กองทุนวายุภักษ์ถือเป็นกองทุนรัฐบาลแรกที่มี การดำเนินงานในลักษณะนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะที่เราเป็นกองทุนที่รัฐถือหุ้นใหญ่ การควบคุมจึงสามารถทำได้เต็มที่และเป็นทางเลือกที่
กระทรวงการคลังพิจารณาเลือกไว้ เรื่องค่าธรรมเนียม ถ้ารัฐจะไม่ให้เราเลย เราก็ต้องทำให้แต่ถามว่ารับได้ใน
ระดับใด ก็ต้องบอกว่าอยากได้ในราคาตลาด" นายพิชิตกล่าว