Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 เมษายน 2547
เหมราชฯขยายพื้นที่รองรับตปท.ลงทุน             
 


   
search resources

เหมราชพัฒนาที่ดิน, บมจ.
ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น - STECON
Real Estate
เดวิด ริชาร์ด นาโดน




เหมราชฯเตรียมขยายพื้นที่อุตฯ 2 แห่งรองรับอานิสงส์ต่างชาติขยายฐานการลงทุน เผยไตรมาสแรกขายพื้นที่แล้ว 175 ไร่ พร้อมพัฒนาพื้นที่เช่า SME อีกกว่า 60% ส่วนธุรกิจภาคอสังหาฯที่เพิ่งส่งชิมลางตลาดมียอดจองแล้ว กว่า 55 ยูนิต หวังรายได้ส่วนนี้แตะ 25% ของเป้าปี 47 ที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้ารายได้ Residential ขยับเป็น 40-45% ของรายได้รวม 5,000 ล้านบาท

ปรับราคาที่ดินนิคมฯอีก 5%

มร.เดวิด ริชาร์ด นาโดน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2547 บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการดำเนิน งานธุรกิจหลักประมาณ 3,000 ล้านบาท โตขึ้นจาก ปี 46 ที่ผ่านมาที่มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม 55% รวมถึงระบบสาธารณูปโภคภายในนิคมอุตสาหกรรม โรงงานสำเร็จรูปทั้งในรูปของการให้เช่า-ขาย และระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ 20%รวมถึงในส่วนของการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์อีก 25%

ทั้งนี้ รายได้จากการดำเนินการในไตรมาสแรก บริษัทได้ขายพื้นที่พัฒนาแล้วจำนวน 175 ไร่ ซึ่งลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่เป็นบริษัทปิโตรเคมี และบริษัทญี่ปุ่นที่ย้ายฐานการผลิตอุตสาหกรรม รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์มายังประเทศไทย รวมแล้วมีลูกค้าใหม่ 7 ราย และอยู่ระหว่างการเซ็นสัญญาอีก 16 ราย

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนงานการพัฒนาขยายพื้นที่ขายในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง คือ ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี(บ่อวิน) เฟส 2 จำนวน 270 ไร่ ซึ่งยังคงเหลือพื้นที่สำหรับการ พัฒนาอีกประมาณ 400 ไร่ รวมพื้นที่โครงการทั้ง สิ้น 5,000 ไร่, นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง)เฟส 5 ขยายจำนวน 900 ไร่ ซึ่งยังมีเหลือพื้นที่สำหรับการพัฒนามากกว่า 2,000 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมด 8,250 ไร่และนิคมอุตสาหกรรม ตะวันออก (มาบตาพุด)ที่ยังไม่มีแผนการขยายพื้นที่ขายแต่เหลือพื้นที่สำหรับการพัฒนาประมาณ 450 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมด 2,500 ไร่ ทั้งนี้คาดว่าในอนาคตราคาที่ดินอาจมีการปรับราคาขึ้นอีก 5%

สำหรับพื้นที่ให้เช่าในส่วนโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม(SME) มีการพัฒนาพื้นที่ส่วนนี้เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากเดิมที่มีอยู่ 400-500 ไร่ ส่วนการพัฒนาพื้นที่เพื่อขายมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% คาดว่าผลกระ-ทบจากภาวะปัจจัยต่างๆ ทำให้ราคาก่อสร้างเพิ่ม ขึ้นอีก 2-2.5% ทั้งนี้ การออกแบบจะเน้นประโยชน์ในพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดและสามารถใช้งาน ได้ในระยะยาวเพื่อชดเชยส่วนของต้นทุนที่มีเพิ่มขึ้นมา

ขณะนี้ในนิคมฯทั้ง 3 แห่งมีโรงงานทั้งสิ้นรวม 214 โรง แบ่งเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ จำนวน 85 ราย, อุตสาหกรรมปิโตรเคมี จำนวน 34 ราย, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 17 ราย, สินค้าอุปโภคและบริโภค 25 ราย, อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง 14 ราย , อุตสาหกรรมเหล็ก และชิ้นส่วนโลหะ 16 ราย , อุตสาหกรรมขนส่ง 6 รายและอื่นๆ 17 ราย

ส่วนภาพรวมตลาดนิคมฯในไตรมาสที่สอง มร.นาโดนกล่าวถึงภาพรวมว่าตลาดจะโตขึ้นอีก เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในขณะนี้มีความแข็งแกร่งขึ้น คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการพัฒนาพื้นที่โตขึ้น 20% และรายได้จากสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นอีก 20% ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

คอนโดมิเนียมสร้างรายได้

ปัจจุบันบมจ.เหมราชพัฒนาที่ดินได้ขยายการดำเนินธุรกิจไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมองเห็นโอกาสการขยายรายได้ให้กับบริษัทในขณะที่ตลาดอสังหาฯมีอัตราการโตเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากการพัฒนานิคมฯ อีกทั้งเป็น การเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นและเป็นการกระจาย ความเสี่ยงด้วยอีกทางหนึ่ง

ส่วนโครงการที่ส่งประเดิมตลาดเป็นโครง การแรกคือ เดอะพาร์ค ชิดลม ลักษณะเป็นโครงการคอนโดฯหรูตั้งอยู่ย่านถนนชิดลม ถนนสายธุรกิจหลัก โดยจับกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลัก ทั้งนี้ตัวโครงการพัฒนาขึ้นบนพื้นที่ทั้งหมด 5.5 ไร่ จำนวน 2 อาคาร มูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท ราคาขายประมาณ 94,000-100,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งขณะนี้มียอดจองแล้ว 25% หรือ 55 ยูนิต จากการเปิดตัวประมาณ 1 เดือนกว่า แบ่งเป็นลูกค้าชาวไทย 60%และชาวต่าง ชาติ 40% ซึ่งลูกค้าชาวไทยจะซื้อไว้เพื่ออาศัยเองประมาณ 2 ใน 3 นอกจากนั้นเป็นการลงทุนให้เช่า โครงการนี้คาดว่าจะสามารถปิดการขายประมาณไตรมาสที่สองของปี 2549

โครงการ เดอะพาร์ค ชิดลม มีการวางแผน ดำเนินการก่อสร้างเมื่อต้นปี 2546 โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงไทย จำนวน 1,800 ล้านบาท ดำเนินการก่อสร้างโครง การโดยบริษัท ซิโน-ไทย แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลาง ปี 2549

สำหรับปี 2547 บริษัทตั้งเป้ารายได้ในส่วน ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 25% จากยอดรวมทั้งหมดของบริษัทปีนี้ 3,000 ล้านบาท ส่วนปี 2548 นั้น รายได้ในส่วน Residential น่าจะอยู่ที่ 40-45% ของรายได้รวมของบริษัทที่คาดว่าจะมีทั้งหมด 5,000 ล้านบาท

"การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ยังไม่มีแผน ดำเนินการเนื่องจากการพัฒนาบ้านเดี่ยวจะต้องใช้ที่ดินเป็นจำนวนมากและปัจจุบันในตลาดอสังหาฯมีคู่แข่งอยู่ในตลาดสูง ซึ่งล้วนแต่เป็นรายใหญ่ที่มีประสบการณ์มานาน บริษัทจึงหันไปเน้นการทำคอนโดฯพักอาศัยจับกลุ่ม Hi-end มากกว่าเนื่องจากมีคู่แข่งน้อย ส่วนการทำ Ser-vice Apartment นั้นอาจจะมีความเป็นไปได้สูง ทั้งนี้คงต้องศึกษาความเป็นไปได้ก่อน แต่คงต้อง วางแผนหลังจากโครงการเดอะ พาร์ค ชิดลมแล้ว เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" มร.นาโดนกล่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us