Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 เมษายน 2547
ทรัพย์สินฯทวงใบโพธิคืนสินปีนีขอถือหุ้นใหญ่26%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารไทยพาณิชย์

   
search resources

ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ.
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
สยามพาณิชย์ลิสซิ่ง, บมจ.
บุคคลัภย์ ,บง
กระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
สินอุตสาหกรรม, บง.
UFT Bank Limited
จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา
ชฎา วัฒนศิริธรรม, คุณหญิง
Banking




สำนักงานทรัพย์สินฯ เดินหน้าซื้อหุ้นแบงก์ไทยพาณิชย์คืนจากกระทรวงการคลัง ยันปีนี้ต้องกลับเข้าถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนประมาณ 26% เท่าเดิมก่อนที่แบงก์จะเข้าโครงการ 14 สิงหาคม ด้านคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ประกาศขายบง.สินอุตสาหกรรมและบุคคลัภย์ เชื่อเป็นทางออกที่เป็นประโยชน์กับแบงก์และผู้ถือหุ้นมากที่สุด คาดได้ข้อสรุปก่อนมิถุนายนนี้แน่ ระบุ "ยูเอฟเจ แบงก์" ถอนหุ้นไม่กระทบแบงก์ เพราะจะมีกลุ่มต่างชาติรายอื่นเข้ามาซื้อหุ้นแทน และเป็นการทำเพื่อเข้าแผนแม่บทที่ต้องการมีสาขาในประเทศไทย

นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา นายกกรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะตัวแทนของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพย์สินฯ มีนโยบายที่จะเข้ามาถือหุ้นในธนาคารในสัดส่วนประมาณ 25-26% เท่ากับสัดส่วนเดิมก่อนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ หลังจากที่ธนาคารได้เข้าโครงการ 14 สิงหาคม จนต้องขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของสำนักงานทรัพย์สินฯ ลดลง

"ขณะนี้ธนาคารได้แก้ไขปัญหา ทั้งในเรื่องของเงินกองทุนและระบบต่างๆ ภายในธนาคารเรียบร้อยแล้ว ขณะที่กระทรวงการคลังเอง มีนโยบายที่ชัดเจนในการทยอยขายหุ้นออกไป และจากข้อตก ลงในโครงการ 14 สิงหาคม คลังในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะขายหุ้นดังกล่าวให้กับสำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นกลุ่มแรกในราคาที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งขณะนี้สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้มีการทยอยซื้อเก็บบางส่วน จนทำให้มีสัดส่วนหุ้นจำนวน 13% และจะสามารถซื้อหุ้นคืนจากคลังเพื่อให้สัดส่วนการถือหุ้นเท่าเดิมภายในสิ้นปีนี้"

ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้มีการเจรจากับกระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่อง โดยในหลักการเห็นตรงกันว่าควรจะซื้อหุ้นคืนมาอยู่ในสัด ส่วนเท่าเดิม แต่ยังคงติดขัดในเรื่องของกฎหมาย เล็กน้อย ที่จะต้องมีการแก้ไขเพื่อให้ซื้อหุ้นคืนจากกระทรวงการคลังได้

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า โครง สร้างผู้ถือหุ้นของธนาคารมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ล่าสุด UFJ Bank Limited ได้แจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการขายหุ้นธนาคาร ออกไป 4.9% จากจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 8.6% ทั้งนี้ เนื่องจาก UFJ ต้องการเปิดสาขาในประเทศ ไทย จึงต้องการที่จะขายหุ้นของธนาคารที่ถืออยู่ทั้งหมด

"การที่ UFJ ขายหุ้นออกมา เพื่อให้สอด คล้องกับแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน โดยที่ผ่านมา UFJ ได้เปิดธุรกิจวิเทศธนกิจ (BIBF) ในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อแผนพัฒนา ระบบสถาบันการเงินออกมาเอื้อ จึงทำให้ต้องการ ทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ แต่การขายหุ้นธนาคารออกมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธนาคารแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าจะมีกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศสนใจเข้าซื้อหุ้นต่อจาก UFJ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่สามารถทำธุรกิจสนับสนุนให้กับธนาคาร ทำให้สัดส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคารอยู่ในระดับ 40% เท่าเดิม"

เดินหน้าขายบง.ภายในเดือนมิ.ย.นี้

สำหรับแผนการดำเนินการกับบริษัทในเครือ คือ บริษัทเงินทุน (บง.) บุคคลัภย์ ที่ธนาคาร ถือหุ้นอยู่ 89% และบริษัทเงินทุน (บง.) สินอุต-สาหกรรม จำนวน 42% นั้น ธนาคารมีนโยบายที่จะขายออกไป ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น เพราะการนำมาควบรวมกับธนาคาร จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับธนาคารมากนัก

"ขณะนี้ธนาคารได้มีการเจรจากับกลุ่มที่สนใจจะเข้ามาซื้อบง.ทั้ง 2 แห่งแล้ว ซึ่งมีจำนวน มากกว่า 2 ราย คาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นมิ.ย. นี้"

ส่วนธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจธนาคารนั้น ธนาคารมีนโยบายขายออกไปเช่นเดียว กัน โดยขณะนี้ได้ถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ เกินกว่า เกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด คือ 20% ของเงินกองทุน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการ ปรับโครงสร้างหนี้คือการแปลงหนี้เป็นทุน และเกิดจากมูลค่าหุ้นที่ลงทุนไว้ราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารได้ทยอยขายในส่วนที่เกินมูลค่าออกไปเพื่อให้อยู่ในระดับที่ธปท.กำหนด

สำหรับบริษัท สยามพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) นั้น ธนาคารยังไม่มีนโนบายขายออกไป เนื่องจากบริษัทดังกล่าวไม่ได้รับฝากเงิน แต่ทำธุรกิจเช่าซื้อ และยังเป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้

คุณหญิงชฎา กล่าวต่อว่า ผลประกอบการ ของธนาคารในไตรมาส 1 คาดว่าจะออกมาดีกว่า ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะธนาคารสามารถ ปล่อยสินเชื่อได้จำนวนมาก โดยสินเชื่อรายใหญ่ ใน 2 เดือนแรกขยายตัว 4% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อยอยู่ที่ 13% แต่เมื่อรวมแล้ว

ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ทำให้ไตรมาสแรกเติบโตกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยสินเชื่อทั้งปีธนาคารตั้งเป้าเติบโต10% หรือ 44,000 ล้านบาท

หนุนรัฐซื้อรถไฟฟ้าบีทีเอส

ส่วนกรณีที่รัฐบาลกำลังเจรซื้อโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อให้สามารถเชื่อมเข้ากับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และโครงข่ายระบบรางทั้งหมดของรัฐบาล นั้น คุณหญิงชฎา กล่าวว่า ธนาคารมี 2 สถานะในบีทีเอส คือ ในฐานะผู้ถือหุ้น ซึ่งมีจำนวนไม่มาก และในฐานะเจ้าหนี้วงเงิน 3,100 ล้านบาท รวมกับมูลค่าส่วนที่เป็นผู้ถือหุ้น เป็นประมาณ 3,700 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท มีปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามปกติ แต่ปัจจุบันยังไม่ถือเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพราะยังมีการชำระอัตราดอกเบี้ยบางส่วน

"การเข้ามาซื้อโครงการดังกล่าวของรัฐบาล ถ้ามองระยะยาวก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ผู้ใช้บริการ ได้รับความสะดวก และทางเจ้าหนี้เองก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะที่ผ่านมาได้มีการมองหาลู่ทางการแก้ไขปัญหาด้านการเงินของบริษัทอยู่แล้ว"

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะสรุป ได้ว่าจะเกิดผลกระทบมากน้อยเพียงใด เพราะทุกอย่างจะต้องมีการเจรจา โดยเฉพาะธนาคารไทยพาณิชย์ถือว่าเป็นผู้นำในส่วนของเจ้าหนี้เงินบาท ในที่สุดแล้วก็จะต้องมีการเจรจากับภาครัฐด้วยเช่นกัน ว่า ประเด็นไหนรับได้หรือไม่ได้อย่าง ไร ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวมีหนี้อยู่จำนวน 11,000 ล้านบาท

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us