แบงก์นครหลวงไทย ประกาศจ่ายปันผลจากผล งานงวดปี 2546 ในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท
พร้อมตั้งเป้าจ่ายเงิน ปันผลทุก 6 เดือนในอัตราไม่ต่ำกว่า 40-50 % ของกำไรสุทธิ
หลังจากมั่นใจแนวโน้มกำไรสุทธิโตแบบก้าวกระโดด จากผลตอบแทน เอเอ็มซีโน้ตที่โตเพิ่มขึ้นจากการปล่อยกู้ปีละ
4.4 หมื่นล้านบาท ด้าน "อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์" ฟันธงดอกเบี้ยยังไม่ปรับขึ้นในช่วงนี้
เหตุสภาพคล่องส่วนเกินล้นระบบกว่า 8 แสนล้านบาท
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า
ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวานนี้ (7 เม.ย) ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ
0.75 บาท สำหรับผลประกอบการประจำปี 2546 รวมทั้งคณะกรรมการธนาคาร มีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกๆ
6 เดือน ทำให้ในปีนี้ธนาคารจะมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนตุลาคม
2547 ซึ่งเป็นผลประกอบการจากงวดครึ่งปี โดยมี นโยบายการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ
40-50% ของกำไรสุทธิ
สำหรับสาเหตุปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลทุก 6 เดือนนั้น สืบเนื่องจากการประเมินผลการดำเนินงานธนาคารคาดว่าจะมีอัตราการทำกำไรแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง
โดยเป็นกำไรจากผลประกอบการทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียม
"ปี 2546 ที่ผ่านมา โครงสร้างรายได้ของธนาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักคือ
รายได้จาก ดอกเบี้ยมีสัดส่วนประมาณ 75% และอีกประมาณ 25% เป็นรายได้จากค่าธรรมเนียม
โดยในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมให้อยู่ในระดับ 30%"
พร้อมกันนี้ ธนาคารยังมีแผนการเพิ่มรายได้จากดอกเบี้ย ด้วยการนำเอเอ็มซีโน้ตไปปล่อย
สินเชื่อต่อ ซึ่งจะทำให้ธนาคารได้รับดอกเบี้ยประมาณ 4.6% ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากจากเอเอ็มซีโน้ตอยู่ที่ระดับ
1.37% ดังนั้นจึงมีผลตอบ แทนจากส่วนต่างดังกล่าวเพิ่มขึ้น
"ธนาคารได้รับเอเอ็มซีโน้ตจากกองทุนฟื้นฟูฯ ทุกปี ตอนนี้เหลืออีก 3 ปี ประมาณปีละ
44,000 ล้านบาท ซึ่งแบงก์พยายามปล่อยสินเชื่อ ให้ได้เฉลี่ยไตรมาสละ 10,000 ล้านบาท
เพื่อเข้ามาชดเชยกับเอเอ็มซีโน้ต โดยจากตัวเลขสินเชื่อไตรมาสแรกของปีนี้นับว่าเป็นไปตามเป้าหมาย"
สภาพคล่องล้น ดอกเบี้ยยังไม่ปรับขึ้นแน่
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้น นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินยังคงมีอยู่ล้นระบบ โดยสภาพคล่องในระบบขณะนี้ประมาณ
800,000 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารนครหลวงไทยมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ประมาณ 50,000 ล้านบาท
ซึ่งธนาคารได้บริหารต้นทุนดังกล่าวเพื่อให้เกิดรายได้ด้วยการเข้าไปลงทุนในพันธบัตร
ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน ในอัตราที่ดีพอสมควร
"การปรับอัตราดอกเบี้ยของไทย จะต้องพิจารณาถึงอัตราเงินเฟ้อที่ขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่ต่ำแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะปรับ
อัตราดอกเบี้ยขึ้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยของไทยมากนัก เพราะขณะนี้มีสภาพคล่องเหลือ
มากส่วนใหญ่เป็นเม็ดเงินภายในประเทศ ไม่ได้กู้เงินจากต่างประเทศเข้ามา ดังนั้นเชื่อว่ายังคงไม่มีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยขึ้นในระยะอันใกล้นี้"
รอพิจารณาแผนทีพีไอก่อนปล่อยกู้ต่อ
นายอภิศักดิ์ กล่าวถึงกรณีของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน)
หรือทีพีไอ ในฐานะเจ้าหนี้ทีพีไอรายหนึ่งว่า ขณะนี้ต้องรอศึกษารายละเอียดของแผนฟื้นฟูกิจการ
ฉบับใหม่ของทีพีไอก่อน หากทีพีไอต้องการที่จะขอวงเงินกู้ใหม่ธนาคารจะต้องมีการพิจารณาถึงแผนอย่างละเอียด
ซึ่งเป็นการพิจารณาตามปกติเหมือนกับลูกหนี้รายอื่นๆ ที่ดูถึงความเป็น ไปได้ของโครงการเงินทุนหมุนเวียน
กระแสเงินสด ขณะนี้ทีพีไอ จัดอยู่ในชั้นลูกหนี้เอ็นพีแอลของธนาคาร และมีการตั้งสำรองไว้เรียบ
ร้อยแล้วสูงกว่า 65% ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด
พัฒนาองค์กรก้าวสู่ Universal Bank
"เพื่อเป็นการตอกย้ำการเป็น Universal Bank ธนาคารมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กร
3 ด้านพร้อมกัน คือ การปรับปรุงรูปแบบของสาขาทั่ว ประเทศ การพัฒนาบุคลากร เพื่อพัฒนาให้บริการ
แบบ High Personal Touch รวมทั้งการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ทั่วถึง"
โดยธนาคารได้กำหนดให้ปี 2547 นี้ เป็นปีแห่งการพัฒนาและการสร้างรูปแบบให้บริการของพนักงาน
ภายใต้แนวคิด Be Scib, Be your wish เพื่อพัฒนาด้านบุคลากรและระบบงานให้มีการบริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร
จนเกิดความ ประทับใจ ทั้งนี้ธนาคารได้จัดโครงการส่งเสริมการขายพิเศษ มอบโชค 2 ชั้นแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ
โดยลูกค้าสามารถตัดคูปองส่วนลดของธนาคารจากหนังสือพิมพ์ เพื่อนำมาใช้เป็นส่วน ลดค่าบริการจากธนาคาร
เช่น บริการด้านเงินฝากออมทรัพย์ และบัตรเอทีเอ็ม สามารถใช้คูปองส่วนลด 100 บาทต่อการบริการ
1 ครั้ง
บริการด้านประกันชีวิต สามารถใช้คูปองส่วนลด 500 บาท ต่อการใช้บริการ 1 ครั้ง
และ บริการสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) สามารถใช้คูปองเป็นส่วนลดพิเศษได้โดยเอ็นพีเอที่เข้าร่วมโครงการ
จำนวน 7,000 ล้านบาท โดยคาดว่า จะขายได้จำนวน 350 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีโครงการการแข่งขันทางด้านการบริการของสาขาธนาคารทั่วประเทศ ผ่านการให้คะแนนจากลูกค้า
ภายใต้ชื่อโครงการ Scib focus โดยลูกค้ามีสิทธิ์ลุ้นรางวัลมูลค่ารวม 4 ล้านบาท
ซึ่งจะมีการจับรางวัลชิงโชคทุกๆ 3 เดือน ส่วนพนักงานที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจะได้รับเงินรางวัลสูงสุด
1 ล้านบาทเช่นกัน
ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะมีจำนวนบัตรเอทีเอ็มเพิ่มขึ้นจากโครงการดังกล่าวจำนวน
100,000 บัตร และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ 100,000 บัญชี ขณะที่ทั้งปีเป้าเพิ่มฐานลูกค้าเงินฝากเป็น
1 ล้านบัญชี และประกันชีวิต 15,000 ราย