Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน7 เมษายน 2547
TMBสวอปหนีรสก.เม็ดเงินกว่าหมืนล้าน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารทหารไทย
โฮมเพจ ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ

   
search resources

ธนาคารดีบีเอสไทยทนุ
ธนาคารทหารไทย
บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย - IFCT
สุภัค ศิวะรักษ์
Retail Banking




"สุภัค ศิวะรักษ์" ตั้งเป้าเพิ่มสินเชื่อปี47 อีก 2.4 หมื่นล้านบาท พร้อมจับมือดีบีเอส ไทยทนุเสนอทางเลือกให้รัฐวิสาหกิจ สวอป อัตราแลกเปลี่ยนป้องกันความเสี่ยง เริ่มเจรจาแล้ว 4-5 ราย เม็ดเงินสูง กว่าหมื่นล้านบาท ยอมรับสินเชื่อปี 46 ขยายตัวต่ำ เหตุมาจากเร่งแก้หนี้เน่าคาดสิ้นปีจะลดให้เหลือเพียง 5% ประมาณการกำไรปีนี้อยู่ที่ 4-5 พันล้าน เบนเข็มขยายฐาน SMEs เชื่อมั่นเป็นตลาดที่มีอนาคต ส่วนเงินฝาก น่าจะโตเฉลี่ย 2-3% ฟันธงปลายปีนี้ FED ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน

นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)(TMB) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของธนาคารทหาร ไทย ภายหลังจากการควบรวมกิจการจะสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ต่อไป ซึ่งในส่วนของธนาคารทหารไทยเองได้ตั้งเป้าการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 24,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นจากปี 2546 ประมาณ 8% จากพอร์ตสินเชื่อเดิม

โดยในระยะแรกนี้ธนาคารได้ร่วมมือกับธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ พัฒนาผลิตภัณฑ์ทาง การเงินในรูปแบบต่างๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์แรกที่ธนาคารได้นำเสนอกับลูกค้าของธนาคารคือ เข้าไปทำการสวอปอัตราแลกเปลี่ยนหรือ ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหนี้เงินกู้ระหว่าง ประเทศของรัฐวิสาหกิจต่างๆ โดยในเบื้องต้นได้เจรจากับรัฐวิสาหกิจแล้ว 4-5 ราย ในวงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท

"การที่ธนาคารทหารไทยหันมาทำธุรกิจด้าน นี้ เนื่องจากรัฐบาลได้ให้รัฐวิสาหกิจที่มีเงินกู้จาก ต่างประเทศชำระเงินกู้ต่างประเทศโดยมีเงื่อนไขว่า ต้องใช้แหล่งเงินภายในประเทศไปคืนเงินกู้ต่างประเทศ ซึ่งในการทำสวอปครั้งนี้ธนาคารก็จะมีรายได้ในรูปของค่าธรรมเนียม และถือว่าไม่มีความเสี่ยงเนื่องจากไม่ใช่เป็นการปล่อยกู้ และไม่ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ และในอนาคตธนาคารก็จะหันมาทำธุรกรรมประเภทนี้เพิ่ม"

นายสุภัค กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อโดยทั่วไปของอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ในช่วงไตรมาสแรกของปีการขยายตัวของสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างช้า เนื่องจากช่วงปลายปีธนาคาร พาณิชย์ทุกแห่งต่างเร่งขยายสินเชื่อในปริมาณที่สูงทำให้ฐานสินเชื่อรวมโตขึ้นมาก ตัวเลขสินเชื่อในไตรมาส 1 ของปีถัดมาจึงถูกมองว่าขยายตัวช้าแท้จริงแล้วการขยายตัวก็เป็นไปตามปกติ ซึ่งในปีนี้ตัวเลขอัตราการขยายตัวของธนาคารแห่งประเทศไทยชี้ให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมนั้นกำลังการผลิตใกล้เต็มแล้วน่าจะมีการขอสินเชื่อเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม

ทั้งนี้ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อไปแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยถือว่าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ และยังมีสินเชื่อที่อนุมัติไปแล้วแต่ ยังไม่ได้มีการเบิกใช้อีกประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคารอยู่ที่ประมาณ 300,000 ล้านบาท และถือว่าเป็นการขยายตัวที่อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เนื่องจากในปีที่ผ่านมาธนาคารให้ความสำคัญกับการลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL รวมถึงการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ด้วย

"ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายการลดNPL ให้เหลือประมาณ 5% จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 10% ซึ่งตัวเลขในปัจจุบันนี้ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่ทางแบงก์ชาติกำหนดไว้ และเมื่อดูตัวเลขของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ มีNPL อยู่ประมาณ 10% และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(IFCT) มี NPL ประมาณ 11-12% เมื่อควบรวมกิจการเสร็จสิ้นแล้วตัวเลข NPL ก็จะอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างจากเดิมนัก และเป้าหมายการลด NPL ก็คงจะดำเนินการต่อไป"

นายสุภัคกล่าวต่อว่า การประมาณการกำไร ในปี 2547 ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายทำกำไรสุทธิไว้ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท โดยประมาณ การนี้เป็นตัวเลขที่ธนาคารตั้งไว้เฉพาะในส่วนของธนาคารทหารไทย ยังไม่ได้รวมถึงประมาณ การผลกำไรของธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หลังจากการควบรวมและปรับระบบต่างๆ แล้วเสร็จคงมีการปรับประมาณการนี้ใหม่

ส่วนเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร หลังจากที่มีการควบรวมนั้น ธนาคารจะเน้นการ ปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs เนื่องจากมีฐานลูกค้าอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งสินเชื่อSMEsยังถือเป็นจุดแข็งของทั้งธนาคารทหารไทยและIFCT ด้วย ส่วนสินเชื่อรายย่อยหรือธุรกิจRetail Banking นั้นจะยังไม่เร่งรุกตลาดมากนักในช่วงนี้ ต้องรอการปรับใช้เทคโนโลยีและวิธีการจากกลุ่มของดีบีเอสก่อน

"เหตุผลที่เลือกจับกลุ่มลูกค้าSMEs เป็นเพราะฐานของลูกค้ามีอยู่เป็นจำนวนมาก ตลาดยังมีส่วนแบ่งเหลืออยู่อีกมาก ธนาคาร และบรรษัทฯเองก็เข้าใจและรู้จักธุรกิจของลูกค้าดี และที่สำคัญคือธุรกิจSMEsนี้ถือเป็นหัวใจของเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ก็เป็น ที่หมายปองของแบงก์ใหญ่ๆ อยู่แล้วและบริษัทใหญ่ๆ ก็สามารถระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ที่มีต้นทุนต่ำกว่ากู้แบงก์ได้"

นายสุภัคกล่าวว่า การที่ธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยาวขึ้นอีก 0.25% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เนื่องจากธนาคารต้อง การปรับฐานเงินฝากเพราะในระยะนี้เงินฝากระยะยาวของธนาคารที่ได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงใกล้จะครบกำหนดระยะเวลารับฝากแล้ว ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาสัดส่วนเงินฝากระยะยาวเพื่อนำมาขยายฐานสินเชื่อ

ส่วนเงินฝากระยะสั้นของธนาคารนั้นขณะนี้มีสัดส่วนของเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ 35-40% ซึ่งถือว่าเป็นการรักษาความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว ทางด้านเงินฝากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่าน มาจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2547 มีเม็ดเงินไหลเข้ามาแล้วจำนวนประมาณ 10,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นเงินฝากระยะยาวและเงินฝากออมทรัพย์ก็มีเพิ่มเข้ามาบ้าง

"อัตราการเติบโตของเงินฝากของธนาคารโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2-3% โดยในช่วง 4-5 เดือนหลังของปี 2546 มีปริมาณเงินเข้าสู่ระบบมาก โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม 2546 ที่ผ่านมานั้นมีปริมาณเงินฝากเข้าสู่ระบบมากผิดปกติ เนื่องจากรัฐบาลได้อนุมัติให้ข้าราชการบำนาญสามารถนำเงินบางส่วนออกมาใช้ได้ก่อน ซึ่งในส่วนของธนาคารทหารไทยจะมีเม็ดเงินของ ข้าราชการทหารเข้ามามากแต่ก็อยู่ในระยะสั้นเพราะมีการเบิกไปใช้กันมาก และส่วนของธนาคารกรุงไทยนั้นก็คาดว่าจะมีเข้ามามากเช่นกัน"

นายสุภัคกล่าวว่า แนวโน้มที่ธนาคารกลาง สหรัฐฯหรือ FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเสร็จ สิ้นมีความเป็นไปได้สูง และเชื่อว่าในช่วงต้นปีหน้าระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม โดยที่ธนาคารทหารไทยก็ได้ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวไปแล้วล่วงหน้า

และเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์เกิดความผันผวนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของธนาคารทหารไทย เนื่องจากธนาคารได้ลงทุนในส่วนของหุ้นหรือตราสารประเภท ต่างๆน้อยมาก ความผันผวนที่เกิดขึ้นนั้นจึงแทบ ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อธนาคาร

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us