Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 เมษายน 2547
วายุภักษ์1ลุยตลาดหุ้นขุนคลังปฏิเสธเข้าพยุง-หวังเพิ่มผลตอบแทน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

กรุงไทย, บลจ.
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เอ็มเอฟซี, บลจ.
กรุงเทพธนาทร, บง
กระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
กองทุนรวมวายุภักษ์
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
สมใจนึก เองตระกูล
พรรณี สถาวโรดม
Funds




บอร์ดกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 อนุมัตินำเงิน 3 หมื่นล้านบาท เข้าลุยลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุเบื้องต้นลงทุนในหุ้นที่กระทรวงการคลังถือหุ้น หรือหุ้นรัฐวิสาหกิจที่แปรรูป หลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต. ยืนยันสามารถนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นได้ ด้านรมว.คลัง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"ปฏิเสธการเข้าพยุงตลาดหุ้น เพียงต้องการเพิ่มผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยเท่านั้น ขณะที่โบรกเกอร์ ชี้การลงทุนกองทุนวายุภักษ์ ไม่สามารถพยุงตลาดหุ้นรวม มีเพียงหุ้นบางตัวที่ได้รับประโยชน์

นายสมใจนึก เองตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรม การฯวานนี้ (31 มี.ค.) ว่า ที่ประชุม เห็นชอบให้นำเงินจำนวน 30,000 ล้านบาทของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ไปลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อให้กอง ทุนมีผลตอบแทนเพียงพอสำหรับจ่ายผลตอบแทนให้กับประชาชนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนในอัตราขั้นต่ำ 3% ต่อปี

โดยในเบื้องต้นกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะลงทุนเฉพาะในหุ้นบริษัทที่กระทรวงการคลังถืออยู่ หรือหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่จะแปรสภาพเท่านั้น เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุน รวมวายุภักษ์อย่างแท้จริง และเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลงทุนด้วย

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ในฐานะกรรมการ คณะกรรมการกำกับการดำเนินงานกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ไปพิจารณารายละเอียด ที่เป็นนัยสำคัญ เช่น คำจำกัดความ บางคำในหนังสือชี้ชวน อาทิ คณะกรรมการ สำนักงาน เป็นต้น พร้อมกำหนดกรอบของการลงทุน เพื่อเสนอที่ประชุมคณะกรรมการฯ ในสัปดาห์หน้า

"ก่อนหน้านี้ เราได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่ากองทุนรวมวายุ-ภักษ์สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หรือ ไม่ และได้รับหนังสือตอบกลับมาว่า ใน 70,000 ล้านบาท ไม่สามารถทำได้ แต่ในส่วนของ 30,000 ล้านบาท ระบุในหนังสือชี้ชวนชัดเจนว่าสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ที่อยู่ในตลาดได้ทุกตัว โดยไม่ขัดกับมติครม. แต่เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น คณะกรรมการฯจึงเห็นควรให้ลงทุนเฉพาะในส่วนที่กระทรวงการคลังถือ หุ้นอยู่ก่อน"

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การที่คณะ กรรมการฯ มีมติเห็นชอบให้นำเงินกองทุน 30% ของกองทุน สามารถซื้อขายหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ ไม่ได้เป็น การเข้าไปดูแลตลาดหุ้นที่กำลังผันผวนอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นหน้าที่ของกองทุนที่จะต้องสร้างกำไรเพื่อนำมาเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะต้องปฏิบัติตามกรอบวินัยการลงทุนที่ดีด้วย

สำหรับเงินจำนวน 70,000 ล้านบาทของ กองทุน ที่ซื้อหลักทรัพย์ 11 ตัวของกระทรวงการคลังไปแล้วนั้น นายสมใจนึก กล่าวว่า ขณะนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนใน โดยในส่วนนี้มีเงื่อนไขว่าเมื่อกองทุนต้องการขายจะต้องขายคืนให้กับกระทรวงการคลังก่อน เนื่องจากต้องเป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้กับสาธารณชนที่ลงทุนที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน แต่เพื่อให้กองทุนมีกำไรเพียงพอต่อการจ่ายผลตอบ แทนดังกล่าว คณะกรรมการอาจมีการประชุมเพื่อเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหนังสือชี้ชวนทั้งหมด ซึ่งจะต้องมีการหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรับฟังความเห็นสาธารณชน ด้วย

"ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เงินในส่วน 70,000 ล้านบาท แอ็คทีฟ เพราะในส่วน 30,000 ล้านบาท ถือว่าเยอะแล้ว แต่ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ซึ่งหลักเกณฑ์การซื้อกองหลักทรัพย์จากกระทรวงการคลัง ก็ต้องซื้อในราคาตลาด ไม่มีส่วนลด และแนวโน้มจะเป็นอย่างไรก็ต้องดูข้อดี ข้อเสียก่อน" นายสมใจนึก กล่าว

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการฯ ยังมีมติให้ว่า จ้าง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกอง ทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกอง ทุนเช่นเดิม โดยให้บริหารหน่วยลงทุนในปริมาณ เท่าเทียมกัน แต่จะให้มีการประเมินผลทุกๆ 6 เดือน เพื่อวัดประสิทธิภาพในการทำงานของบลจ.ทั้ง 2 แห่ง

นางพรรณี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเงินจำนวน 30,000 ล้านบาท สามารถลงทุนในหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ ซึ่งมีทั้งสิ้น 25 ตัว อาทิ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารยูโอบี รัตนสิน บริษัทการบินไทย บริษัทปตท. บริษัทปูนซิเมนต์ไทย บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง บริษัทกรุงเทพประกันภัย บริษัททิพยประกันภัย บง.ทิสโก้ บง.สินเอเชีย บริษัททุ่งคาฮาเบอร์ บริษัทผาแดงอินดัสทรี และบริษัทท่าอากาศยาน เป็นต้น

"นอกจากจะสามารถลงทุนในหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่ทั้ง 25 ตัวแล้ว สามารถลงทุนในตรา สารหนี้ เงินฝากพันธบัตรรัฐบาล และตั๋วเงินคลัง แต่ทั้งนี้ การตัดสินใจลงทุน ต้องขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุนด้วย" บล.บีฟิทเชื่อไม่กระทบตลาดรวม

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท จำกัด กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นวันนี้การที่ดัชนีปรับ ตัวลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบปัญหาความไม่ สงบในภาคใต้ จึงทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล คาดว่านักลงทุนต่างประเทศยังมีแนวโน้มที่จะเทขายออกมา เพราะความไม่แน่นอนในสถานการณ์ทางภาคใต้ แต่ถ้ารัฐบาลสามารถจัดการได้ เชื่อว่าจะทำให้สภาพตลาดหุ้นมีโอกาสดีขึ้นได้

ส่วนปัจจัยที่ทางการอนุญาตให้กองทุนวายุภักษ์สามารถเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นได้นั้น เชื่อว่าจะปัจจัยสนับสนุนในหุ้นบางหลักทรัพย์เท่านั้น โดยโอกาสที่จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงตลาดน่าจะเกิดจากแรงซื้อของกองทุนรวมภายในประเทศมากกว่ากองทุนวายุภักษ์

แนวโน้มในวันนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ แต่คงจะไม่ขึ้นมามากนัก เพราะยังมีปัจจัยลบที่ยังคงอยู่ ทั้งเรื่องปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ และปัญหาการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งนักลงทุนจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงต้องคำนึงถึงภาวะตลาดหุ้นของต่างประเทศว่ามีทิศทางเป็นอย่างไร โดยดัชนีมีแนวต้านที่ 650 จุดและแนวรับที่ 640-630 จุด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us