"แกรนด์ แอสเสท" เร่งขยายโครงการใหม่เขตCBD-ภูเก็ต มูลค่ากว่า 4,600
ล้านบาท ยันเน้นธุรกิจโรงแรมพร้อมเสริมลงทุนอสังหาฯ คาดปี 47 กำไรเป็นปีแรกกว่า
300 ล้านบาท ระบุมียอดรับรู้รายได้ 800 ล้านบาท จากโครงการหัวหิน บลูลากูน เล็งปี
48 ล้างขาดทุน 1,000 ล้านบาท
นายพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในปี 2547 ว่าบริษัทจะเข้า ไปขยายธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
โดยจะเปิดโครง การใหม่มูลค่ากว่า 4,600 ล้านบาท ใช้แหล่งเงินกู้จากธนาคารกรุงไทย(KTB)ประมาณ
2,800 ล้านบาท ส่วนอื่นมาจากรายได้และใช้เงินสดลงทุน
โดยล่าสุดบริษัทได้ซื้อที่ดินจาก บริษัท ชวริน จำกัด บริเวณปากซอยสุขุมวิท 13
ซึ่งเป็นเจ้าของ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ มีภาระจำนองไว้กับธนาคารทหารไทย (TMB) จำนวน
6 ไร่กว่า มูลค่าที่ซื้อ 1,006.8 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดโครงการใน 3 รูปแบบรวม
พื้นที่ 35,000 ตารางเมตร ได้แก่ โครงการโรงแรมบูติก ระดับ 5 ดาว ภายใต้ชื่อ W
โฮลเต็ลแอนด์ เรซิเด้นท์ ขนาด 340 ห้อง คู่กับคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ ราคาขายตั้งแต่
75,000 บาทต่อตร.ม. และโครงการอพาร์ตเมนต์เซอร์วิส หรู ทั้ง 3 โครงการใช้งบประมาณก่อสร้างและตกแต่งประมาณ
3,000 ล้านบาท เริ่มดำเนินการก่อสร้างเดือนสิงหาคมนี้ และจะแล้วเสร็จช่วงเดือนเมษายน
2550 (3 ปี) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับเชนโรงแรมระดับ 5 ดาวชั้นนำของโลกที่จะเข้ามาบริหาร
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มชาว ต่างชาติ และกลุ่มนักธุรกิจคนไทย ที่ต้องการพักอาศัยเกรดเอในย่าน
ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD)
นอกจากนี้บริษัทจะลงทุนในโครงการโรงแรมระดับ 4 ดาวต้นทุนโครงการ 500-600 ล้านบาท
จำนวน 215 ห้อง 6 ชั้น โดยเช่าพื้นที่อยู่ในบริเวณของโครงการจังซีลอน ปลายถนนบางลา
ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต อายุสัญญาการเช่า 30 ปี ซึ่งโครงการจังซีลอนจะก่อสร้างแล้วเสร็จต้นปี
2548 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาคัดเลือกผู้บริหารโรงแรมร่วมที่เป็นเชนโรงแรมระดับโลก
"เราพยายามขยายธุรกิจเพื่อ รองรับกับธุรกิจการท่องเที่ยว และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
โดยเลือกทำ โครงการที่ไม่เป็นการลงทุนมากเกินไป ซึ่งยังเน้นธุรกิจโรงแรมที่จะ ให้ผลตอบแทนที่มั่นคงระยะยาว
แต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แล้วในระยะสั้นจะให้ผลตอบแทน ที่สูง ตรงนี้จะมีส่วนช่วยผลักดันให้
ผลประกอบการของบริษัทโตขึ้น บางปีรายได้จากอสังหาฯอาจจะสูงกว่ารายได้จากกิจการโรงแรมบ้าง
โดยในปีนี้บริษัทได้ปรับประมาณการรายได้รวมจาก 1,200 กว่าล้านบาท เป็น 1,400 ล้านบาท
หรือโตแบบก้าวกระโดดถึง 260% และคาดว่าจะมีกำไรกว่า 300 ล้าน บาทจากเดิม 272 ล้านบาท
ซึ่งเป็น ปีแรกหลังเข้าตลาดที่มีกำไรสุทธิ" นายพงษ์พันธ์กล่าว
โดยแหล่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น มาจาก 2 โครงการ คือ โครงการโรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์
สุขุมวิท ซึ่งยังมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน จำนวน 4
ชั้น สามารถสร้างรายได้ประมาณ 15.1 ล้านบาทต่อปี และโครงการหัวหิน บลู ลากูน รีสอร์ตคอนโดมิเนียมและบ้านหรูบนเกาะ
ริมหาดหัวหิน มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายเกิน 70% คาดไม่เกิน 3
เดือนจะมียอดจองเต็ม ทั้งนี้บริษัทจะรับรู้รายได้ปีนี้ถึง 800 ล้านบาท ซึ่งการบันทึกรับรู้รายได้
ต้องให้ลูกค้าผ่อนครบ 20% คาดว่าปลายปีจะมีจำนวนหนึ่งที่ครบตามเกณฑ์ ส่วนโครงการโรงแรมบูติก
คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้อย่าง มากในปี 2548
ทั้งนี้ ในปี 2546 บริษัทมีรายได้รวมจริง 388.7 ล้านบาท ต้นทุนขายรวม 115.28
ล้านบาทและมีผลขาดทุนสุทธิ 26.47 ล้านบาท จากที่ประมาณการไว้ 28.82 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในส่วนผล
ขาดทุนสะสมที่บันทึกไว้ 1,000 ล้านบาทคาดว่าภายในปี 2548 จะล้างได้หมด
สำหรับโครงการที่บริษัทดำเนินการอยู่ มีโรงแรมและโครงการอสังหาริมทรัพย์รวม 4
โครงการ ได้แก่ โรงแรมเดอะ เวสทินฯ มีกลุ่มสตาร์วู้ดเชนโรงแรมระดับ 5 ดาว, โรงแรมคราวน์
พลาซ่า ปากซอยสุขุมวิท 27 โรงแรมระดับ 4 ดาวครึ่ง บริหารงานโดยกลุ่มอินเตอร์ คอนติเนนตัล
ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าแล้วเสร็จต้นปี 2549,โรงแรมเชอราตันบลู ลากูน
หัวหิน โรงแรมและรีสอร์ต ระดับ 5 ดาว บริหารงานโดยกลุ่ม สตาร์ วู้ด และโครงการหัวหิน
บลู ลากูน รีสอร์ท ที่ลูกค้าพร้อมเข้าอยู่ได้กลางปี 2548