Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน29 มีนาคม 2547
แบงก์รับช่วงคลังจว.             

 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย
โฮมเพจ ธนาคารไทยพาณิชย์
โฮมเพจ ธนาคารกรุงเทพ
โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ.
ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารกรุงเทพ, บมจ.
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กระทรวงการคลัง
สมาคมธนาคารไทย
เชษฐ์ รักตะกนิษฐ
ธวัชชัย ยงกิตติกุล
Banking and Finance




แบงก์เตรียมขยับเปิดศูนย์ฝาก-ถอนเงินแทนที่คลังจังหวัดจะยกเลิกในเดือนตุลาคมปีนี้ ด้านแบงก์กรุงศรีอยุธยา ทุ่มงบ 150 ล้านบาท เตรียมตั้งศูนย์รับฝากเงิน 28 แห่ง รองรับการฝาก-ถอนเงินของสาขาต่างจังหวัดทั่วประเทศ พร้อมแนะสมาคมธนาคารไทยลง ขันจัดตั้งศูนย์รับฝากเงินร่วมกันระหว่างสมาชิก เพื่อประหยัดต้นทุน เพราะสาขาของแบงก์ทุกแห่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน

นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลจะมีการยกเลิกคลังจังหวัดในการทำหน้าที่ฝาก-ถอนเงินสดของสาขาธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบว่า ทางการต้องการที่จะเปลี่ยนบทบาทของคลังจังหวัดให้ทำหน้าที่ดูแลภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดนั้นๆ โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 นี้เป็นต้นไป ซึ่งสมาคมฯได้หารือกับธนาคารสมาชิกทุกแห่ง และจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุดในการศึกษาถึง การจัดตั้งศูนย์ฝาก-ถอนเงิน ที่จะทำหน้าที่แทนคลังจังหวัดในระยะต่อไป

ในเบื้องต้นธนาคารพาณิชย์แต่ ละแห่งได้จัดตั้งศูนย์ขึ้นเอง เพื่อใช้ในการสนับสนุนสาขาของแต่ละแห่ง หรือหากธนาคารพาณิชย์แห่งใดยังมีศูนย์ฝาก-ถอนเงินไม่เพียงพอก็สามารถใช้บริการของศูนย์ธนาคารพาณิชย์อื่นๆได้ ซึ่งเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้ตามปกติหลังจากที่ยกเลิกคลังจังหวัด

แหล่งข่าวจากสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ได้มีการหารือกันระหว่างสมาชิกหลายครั้งมากเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งแนวทางในการลงขันจัดตั้งศูนย์ นั้นมีโอกาสเป็นไปได้ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากยังมีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่มีบริษัทขนส่งเงินอยู่แล้ว โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย

"บริษัทขนส่งเงินของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง นอกจากที่จะสนับสนุนธนาคารผู้ถือหุ้นแล้ว ยังคงรับจ้างขนเงินอีกด้วย โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทย จะเป็นบริษัทที่รับจ้างขนเงินให้กับธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ซึ่งก็คงจะเหลือธนาคารขนาดเล็กหรือขนาดกลาง ซึ่งก็มีสาขาใน ต่างจังหวัดน้อยมาก ความจำเป็นในการตั้งศูนย์ รับฝากจึงมีน้อยกว่าธนาคารที่มีสาขาในต่างจังหวัดมากๆ ดังนั้นในเบื้องต้นจึงให้ธนาคารแต่ ละแห่งดำเนินการแก้ไขปัญหาไปก่อน ซึ่งบางแห่ง มีการตั้งศูนย์ขึ้นมาเอง" แหล่งข่าวกล่าว

นายเชษฐ รักตะกนิษฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ธนาคารได้เตรียมตั้งศูนย์รับฝากเงิน เพื่อรองรับการฝากเงิน ถอนเงินหรือขนเงินจากสาขา ของธนาคารทั่วประเทศ จากเดิมที่สาขาของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจะใช้คลังจังหวัดในการฝาก-ถอนเงินของสาขาในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งในเดือนตุลาคม 2547 นี้ จะมีการยกเลิกการฝาก-ถอนเงินจากคลังจังหวัดของธนาคารพาณิชย์แล้ว เนื่อง จากนโยบายของรัฐบาลต้องการที่จะให้คลังจังหวัดปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มบทบาทในการดูแลภาพรวมของเศรษฐกิจ

โดยธนาคารมีเป้าหมายที่จะตั้งศูนย์รับฝาก เงินประมาณ 28 แห่ง โดยตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนสาขาของธนาคารที่มีอยู่ประมาณ 413 สาขา ซึ่งขณะนี้ธนาคารได้จัดตั้งศูนย์ฯไปแล้ว 19-20 แห่ง คาดว่าก่อนเดือนตุลาคมนี้ธนาคารจะต้องเร่งตั้งศูนย์ฯเพิ่มขึ้นอีก 8 แห่งทันแน่นอน โดยใช้งบประมาณในการจัดตั้ง 150 ล้านบาท

"การจัดตั้งศูนย์รับฝากเงิน ได้มีการหารือกันระหว่างสมาชิกของสมาคมธนาคารไทยหลาย ครั้ง โดยมีแนวทางที่จะจัดตั้งศูนย์รับฝากเงินร่วมกันระหว่างสมาชิกของสมาคมธนาคารไทย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะธนาคารพาณิชย์ แต่ละแห่งจะต้องนำไปศึกษาถึงผลดีผลเสียของการตั้งศูนย์ร่วมกัน ขณะที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งได้มีบริษัทขนส่งเงินอยู่แล้ว อาจจะมองว่าไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งศูนย์ขึ้นมาใหม่"

นายเชษฐ กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ที่ยังไม่ มีศูนย์รับฝากเงินหรือบริษัทขนส่งเงิน มีแนวคิด ที่จะต้องร่วมกันจัดตั้งเพื่อลดค่าใช้จ่ายและต้น ทุน เพราะแบงก์พาณิชย์เกือบทุกแห่ง โดยเฉพาะแบงก์ขนาดใหญ่ต่างมีสาขากระจายอยู่ทุก จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสถานที่ตั้งของสาขาของแบงก์แต่ละแห่งไม่ไกลกันมาก ควรที่จะใช้ศูนย์ร่วมกันได้

สำหรับธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้น ได้หารือร่วมกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่บ้างแล้ว เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์รับฝากเงินร่วมกัน โดยในช่วง แรกจะใช้ศูนย์ที่ตั้งขึ้นเองก่อน หากพิจารณาแล้ว เห็นว่ามีต้นทุนหรือผลเสียมากกว่าคงจะต้องเข้ามาหารือกันใหม่ระหว่างธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ด้วยกัน โดยโอกาสที่เป็นไปได้ในการร่วมกันจัดตั้งศูนย์รับฝากเงิน คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารไทยพาณิชย์

ด้านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจขนส่งเงิน ซึ่งปัจจุบันได้ให้บริการเติมเงินในเครื่องเอทีเอ็มด้วย ซึ่งสามารถนำมาใช้สนับสนุนสาขาของธนาคารนั้นๆได้เลย ส่วนของธนาคารกรุงไทยก็มีบริษัทขนส่งเงินเช่นเดียว กัน ซึ่งจะมีการตกลงแล้วว่าจะให้ขนเงินของธนาคารพาณิชย์รัฐทั้งหมด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us