ด้วยหัวข้อที่ระบุไว้ว่าเป็นการแถลงข่าวถึง "ธุรกิจใหม่" ในเครือเซ็นทรัล
รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) ที่จั่วหัวไว้ในจดหมายเชิญผู้สื่อข่าว เรียกความสนใจจากผู้สื่อข่าวจำนวนมาก
ให้เดินทางไปยังห้องกำแพงเพชร 2 โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซา ในช่วงบ่ายของวันที่
3 มีนาคมที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวหลายคนไม่มั่นใจว่าเนื้อหาในการแถลงครั้งนี้จะหมายถึงบริษัทใด
เพราะก่อนหน้านี้เริ่มมีกระแสข่าวออกมาระยะหนึ่งแล้วว่า CRC กำลังเจรจาเพื่อขอซื้อกิจการ
Tops คืนจาก Royal Ahold ที่บริษัทแม่ในประเทศเนเธอร์แลนด์กำลังประสบปัญหาทางการเงิน
จนต้องขายกิจการที่มีอยู่นอกยุโรปออกไปให้หมด
ในเอเชีย Royal Ahold เพิ่งจะขายกิจการที่อยู่ในอินโดนีเซีย และมาเลเซีย
เหลืออยู่ในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ในขณะนั้น
แต่ด้วยคำว่า "ธุรกิจใหม่" จึงยังไม่มีใครกล้าฟันธงนำเสนอข่าวออกไปก่อน
กำหนดการแถลงข่าวล่าช้าไปกว่าที่ระบุในจดหมายเชิญประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง
ทศ จิราธิวัฒน์ CEO ของ CRC จึงเดินเข้ามาในห้อง พร้อมด้วย Randy Guttery
ประธานกรรมการบริหารของบริษัทซี อาร์ ซี เอโฮลด์ ผู้ดำเนินกิจการซูเปอร์มาร์เก็ต
Tops
"การตกลงเพิ่งมีข้อสรุป และเราเพิ่งเซ็นสัญญากันในช่วงเช้า ก่อนที่จะมาแถลงข่าวที่นี่"
เป็นคำออกตัวของทศต่อหน้าผู้สื่อข่าว ตามด้วยประโยคถัดมาว่า
"ว่าไปแล้ว Tops จะถือเป็นธุรกิจใหม่ของเราหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ก็ถือเป็น
Business Unit ใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาใน CRC ในวันนี้"
บรรยากาศการแถลงข่าวดำเนินไปอย่างเป็นกันเอง เพราะเมื่อได้ข้อสรุปแล้วว่า
"ธุรกิจใหม่" ที่ว่า ก็คือ Tops ประเด็นที่มีการซักถามกันมากก็คือ "ราคา"
ที่ CRC ซื้อหุ้นคืนกลับมาจาก Royal Ahold ซึ่งทศปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้อย่างสิ้นเชิง
"ในสัญญาซื้อขายที่เพิ่งเซ็นกัน กำหนดไว้ชัดเจนเลยว่าห้ามให้ข่าวในเรื่องนี้"
Tops อาจถือเป็น Business Unit แรกๆ ในการจัดโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกในเครือเซ็นทรัล
โดยการแยกส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ตออกมาเป็นอีกบริษัทหนึ่ง เมื่อปี 2539 โดย
CRC ได้ชักชวนให้ Royal Ahold เข้ามาร่วมทุนด้วยในสัดส่วน 50 ต่อ 50
แต่หลังจากประสบปัญหาสภาพคล่อง หลังเกิดวิกฤติปี 2540 CRC จึงจำเป็นต้องขายหุ้นที่ถืออยู่
50% ใน Tops ให้กับ Royal Ahold เพื่อนำเงินสดมาใช้จ่ายในการขยายธุรกิจประเภทอื่น
แต่กว่า 6 ปีที่ Royal Ahold เป็นผู้ดำเนินธุรกิจ Tops แต่เพียงผู้เดียว
กิจการกลับไม่ค่อยขยายตัวมากนัก ประกอบกับการที่บริษัทแม่มีปัญหา Royal
Ahold จึงตัดสินใจขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดใน Tops กลับคืนมาให้กับ CRC อีกครั้ง
ยอดขายของ Tops ล่าสุดในปี 2546 อยู่ที่ 14,000 ล้านบาท แทบไม่เติบโตขึ้นเลยหากเทียบกับปี
2545
แต่ยอดขายจำนวนนี้ หากนำเข้ามารวมไว้ในบัญชีของ CRC หลังจากได้กิจการนี้คืนมา
จะทำให้ตัวเลขยอดขายของ CRC จากที่เคยตั้งเป้าในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 44,000
ล้านบาท ก้าวกระโดดขึ้นเป็น 60,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายที่เติบโตจากในปี
2546 ถึง 50%