"3 ปีที่ผ่านมา คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เราเริ่มต้นจากส่วนแบ่ง 0% พุ่งทะยานเป็น
70% ในปีนี้ จากมูลค่าตลาดรวม 2,500 ล้านบาท ปีนี้เราตั้งงบการตลาดไว้ที่
150 ล้านบาท และงบ 700 ล้านบาท พัฒนาสาขาที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งในส่วนของ Restaurant Delivery Unit และ New Product"
"จะว่าไปแล้วเราไม่ได้เพิ่งมาเป็นที่หนึ่ง อาจฟังดูเหมือนคุยถ้าจะบอกว่า
เราใช้เวลาเพียงแค่ 3 วันเท่านั้นหลังจากเปิดตัว ขึ้นเป็น Market Leader
แต่นี่คือเรื่องจริง เราเคยทำแชร์ให้ Pizza Hut สูงเกือบ 100% อย่าได้แปลกใจหากเราหวังส่วนแบ่งสูงสุดที่
100%" วิลเลียม อี.ไฮเนคกี้ ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด
(มหาชน) ประกาศอย่างมั่นใจ
เช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งเปิดตัว วันที่ 17 มีนาคม 2544
The Pizza Company สาขาสยามเซ็นเตอร์ ถูกใช้เป็นสถานที่แถลงข่าวกิจกรรมฉลองครบรอบ
3 ปี ในตอนสายของวันที่ 17 มีนาคม 2547 น้องๆ จากมูลนิธิได้รับเชิญให้เป็นแขกลิ้มรสพิซซ่าถาดโต
BBQ Chicken Wing Cheese Garlic Bread และสลัด ที่ The Pizza Company เป็นเจ้าภาพเลี้ยงมื้อกลางวัน
ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นในทุกสาขาทั่วกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า บริเวณลานอเนกประสงค์
เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า มีกิจกรรมที่เน้นให้พนักงานมีส่วนรวม อาทิ กองคาราวานพนักงานส่งพิซซ่า
จำนวน 1,112 คน เท่ากับหมายเลขโทรศัพท์ 1112 นำของขวัญ พิเศษไปมอบให้แก่ลูกค้า
ตามรายชื่อที่สุ่มจากฐานข้อมูลของบริษัท และพิซซ่ายักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
1.5 เมตร พร้อมกันนี้ก็งัดโปรโมชั่นเด็ด ซื้อ 1 แถม 1 (สั่งซื้อตั้งแต่ถาดกลางขึ้นไป)
สมนาคุณผู้บริโภค เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ 17-30 มีนาคมนี้
ไฮเนคกี้บอกว่าจุดเด่นของ The Pizza Company คือ รสชาติของ Pizza ที่อร่อยหลากหลาย
ทุกวันนี้พิซซ่ามี 30 หน้า กำลังพัฒนาอีก 12 หน้า เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ไม่ชอบความซ้ำซากจำเจ
วัตถุดิบที่ใช้ เช่น ชีส ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ของตัวเอง และเพื่อโภชนาการที่สูงขึ้นจึงเตรียมเสนอแป้งสูตรใหม่
ที่มีน้ำมันน้อยลง และสลัดบาร์แปลกใหม่อีก 15 ชนิด นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่แข็งแกร่ง
และมีใจสู้ ตามกลยุทธ์ที่ไฮเนคกี้เขียน ไว้ในหนังสือ เถ้าแก่มือโปร เคล็ดลับ
25 ข้อ สำหรับผู้บริหารในโลกยุคไร้พรมแดนว่า "คนสร้างแบรนด์ แบรนด์ไม่ได้สร้างคน"
ผ่านพ้นไป 3 ปี วันนี้ The Pizza Company แบรนด์ของ คนไทย บริหารงานโดยคนไทย
(วิลเลียม อี.ไฮเนคกี้ โอนสัญชาติ เป็นคนไทยตั้งแต่ปี 2534) หลังจากประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในไทย
เริ่มเล็งตลาดต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบของ The Minor Food Group ลงทุนเองและในรูปแบบของแฟรนไชส์
โดยลงทุนเองที่จีน และเวียดนาม การแหย่หนวดเสือ Pizza Hut ที่ปักกิ่ง เป็นเรื่องที่ท้าทาย
ไฮเนคกี้บอกว่า ตลาดจีน Growth มาก ในฐานะที่เราเป็นเบอร์ 1 ในไทย ไปที่อื่นเราก็ไม่กลัว
แม้จะต้องไปชนกับคู่รักคู่แค้น หรือ Local brand อื่นๆ ก็ตาม ขณะที่บาห์เรนเปิดในลักษณะแฟรนไชส์
ใช้งบลงทุนเบ็ดเสร็จ 50 ล้านบาท ใน 3 ประเทศ ขณะที่คูเวตมีอยู่แล้ว 2 สาขา
และ กำลังจะมีสาขาที่ 3 และ 4 ตามมา ไฮเนคกี้กล่าวอีกว่าแฟรนไชส์ กำลังไปได้สวย
สมาชิก Happy มาก ขยายตัวค่อนข้างเร็ว
การมุ่งเน้นไปยัง Middle East เนื่องจาก The Minor Food Group เล็งเห็นว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่น่าสนใจ
"เราดำเนินนโยบายไปในทิศทางเดียวกับที่รัฐบาลทำ ในเรื่องครัวของโลก"
ปัจจุบัน The Pizza Company มี 127 สาขาทั่วประเทศ บริหารโดย The Minor
Food Group เอง 110 แห่ง แฟรนไชส์ 17 แห่ง และยังมีอีก 2 สาขาที่คูเวต และเตรียมขยายในไทยอีก
17 สาขา และ The Minor Food Group เล็งจะ Launch แบรนด์ ใหม่ในอนาคตอันใกล้
จากที่ขณะนี้บริหารแบรนด์ Swensen's, Sizzler, Dairy Queen, Burger King
และ The Pizza Company อยู่