จากกรุงเทพฯ คิม ว้าชไฟท์ ใช้เวลาในการขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงโรงงานผลิตไวน์ ที่จังหวัดสมุทรสาคร
ตลอดเวลาประมาณ 1 ปีกว่าที่มารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของสยามไวเนอรี่
เทรดดิ้งพลัส เขาขับรถผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำ อย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
"ตอนแรกที่รู้ว่าจะมีหัวหน้าคนใหม่เข้ามาก็กังวลเหมือนกัน เพราะทราบว่าเป็นลูกครึ่ง
เป็นนักเรียนนอก แล้วยังหนุ่มมากด้วย จะร่วมงานกันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่พอเจอกันปรากฏว่าพูดภาษาไทยคล่องเลย
ก็เลยโล่งอก มิหนำซ้ำกิริยามารยาทก็เป็นคนไทยแท้ๆ"
คนเก่าแก่ของสยามไวเนอรี่คนหนึ่งเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง คิมฟังและพูดภาษาไทยได้อย่างดี
แต่เขียนไม่ได้เลย ในขณะที่ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน เขาคล่องทั้งพูด
ฟัง และเขียน
ภาพที่เขาขับรถไปตามไร่องุ่นในท้องที่อำเภอ ดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี
อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ยกมือไหว้ทักทายผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้เป็น "ลูกสวน"
ของบริษัทจึงเริ่มเป็นที่ชินตาของชาวบ้านย่านนั้น
คิม ว้าชไฟท์ เป็นลูกคนที่ 2 ของ เคิร์ท ว้าชไฟท์ ชาวเยอรมัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมโอเรียนเต็ลผู้สร้างนิยายรักอันน่าประทับใจกับเพ็นนี
บุนนาค ผู้หญิงในตระกูลใหญ่เก่าแก่ของไทย (จากเรื่อง ชีวิตที่เรียบง่ายของ
เคิร์ท ว้าชไฟท์ โดยอรวรรณ บัณฑิตกุล นิตยสารผู้จัดการ ฉบับที่ 209)
เขาเกิดที่เมืองไทย แต่ไปเรียนและใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่เล็ก
พร้อมกับ Inka และ Carla พี่สาวและน้องสาว 3 คนพี่น้องอยู่ด้วยกัน รับผิดชอบการเรียนกันเองตั้งแต่เด็ก
โดยมีพ่อแม่บินไปเยี่ยมปีละแค่ 1-2 ครั้ง
จบการศึกษาจากโรงเรียนการโรงแรมคอร์แนล นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของเขาได้ทำงานกับโรงแรมระดับ
5 ดาวทั้งในเอเชีย และยุโรป เคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายอาหาร และเครื่องดื่มที่โรงแรมวอล์ดอฟ
แอสโตเรีย และได้ทำงานกับเชฟลอร์เรน กราส์ ซึ่งเคยบริหารร้านอาหารดูคาส์เซ่
ในกรุงปารีส
คิมยังเคยร่วมกับเพื่อน ก่อตั้งเว็บไซต์ "Bevaccess.com" ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น
"Beverage Media" ก่อนกลับเมืองไทย ได้ทำงานกับบริษัทตัวแทนจำหน่ายไวน์แห่งหนึ่งของนิวยอร์ก
ซึ่งจำหน่ายไวน์ชั้นเยี่ยมจากอิตาลี
โดยตำแหน่ง เขาดูเรื่องตลาดเป็นหลัก แต่บ่อยครั้งต้องเดินทางไปดูการผลิตที่โรงงาน
การทำงานร่วมกับคนเก่าแก่ไม่ใช่เรื่องที่น่าหนักใจ คำว่า "พี่ครับ สวัสดีครับ"
ทุกครั้งที่เดินผ่านผู้ใหญ่จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนได้ยินบ่อยครั้ง แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ผิดแผกจากชาวตะวันตก
แต่ตัวตนของเขานั้นเป็นไทยแท้ๆ ทีเดียว
แต่สิ่งที่คิมยังไม่คุ้นเคยก็คือ ทุกคนจะหลีกเลี่ยงถ้าพูดถึงปัญหา ถ้าหากไม่ถามก็คือไม่บอก
แต่ถ้าถามขึ้นมาทีไรก็จะพบว่ามีทุกครั้งเช่นกัน
ส่วนความเป็นอยู่อื่นๆ คิมบอกว่าสบายมาก โดยเฉพาะการทานอาหารไทย และการใช้ชีวิตโสดในคอนโดกลางเมืองแห่งหนึ่ง
เช้าขึ้นมาขับรถไปทำงานที่ตึกรสา ทาวเวอร์ พหลโยธิน ตกเย็นแม้ต้องการพักผ่อน
เงียบๆ แต่โดยหน้าที่การงานแล้วทำให้ต้องตระเวนหาที่ดื่มกับทีมงานบ้าง เพื่อดูเทรนด์และไลฟ์สไตล์ต่างๆ
ของผู้คน และยังสำรวจตลาดไวน์ไปด้วย
ในวันหยุดอาจจะไปทานข้าวกับพ่อแม่ การกลับมาครั้งนี้ทำให้เขาได้ใกล้ชิดครอบครัวมากขึ้น
"แม่เพิ่งโทรมาย้ำให้ผมไปดูเรื่องโหมโรงเมื่อกี้เอง" เขาเล่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
งานทางด้านเอนเตอร์เทนที่เขาคุ้นเคยมาตลอด ทำให้เขาดูอารมณ์ดีไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม
และถ้าว่างมากๆ กอล์ฟ หรือเล่นสควอช คือกีฬาที่เขาจะให้เวลา
"ตอนนี้ชีวิตผมกำลังสนุก บางครั้งจังหวะและโอกาสมันมาเร็วมากทีเดียว แต่ก็ยังไม่กล้าคาดหวังว่างานนี้
หรือเมืองไทยจะเป็นที่สุดท้ายของผมหรือเปล่า"
ในวัย 33 ปีนั้น ดูเหมือนว่า คิม ว้าชไฟท์ ยังมีพลังแห่งการทำงานอยู่อีกมากมายทีเดียว