ปิโก (ไทยแลนด์) ใช้กลยุทธ์จ่ายปันผลอัตรา 0.16 บาทต่อหุ้น หวังดึงนักลงทุนเข้ามาจองซื้อ
บล.ยูไนเต็ดชี้ลูกค้ามีความต้องการล้นมากกว่าจำนวนหุ้นที่ ได้รับจัดสรรถึง 3 เท่า
เล็งเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ สถาบันการเงิน บริษัทประกัน และธุรกิจขายตรง
นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด(มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นบริษัทปิโก
(ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า บริษัทจะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.16 บาทต่อหุ้น จากผลประกอบการของบริษัทในปีที่ผ่านมาให้กับผู้ถือหุ้นเดิม
และผู้ถือหุ้นใหม่ที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทั้งนี้ บริษัทปิโก (ไทยแลนด์)
จะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 26 ล้านหุ้น โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ 6.25 บาทซึ่งในระดับราคาดังกล่าวจะมีค่าพี/อีเรโชอยู่ที่ระดับ
13.48 เท่า ซึ่งจะสูงกว่า พี/อี เรโชของตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) ที่เข้าซื้อขาย
ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของปี 2546 แต่ถ้าพิจารณาจากผลประกอบการในปี 2547 ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ
25% จะทำให้ค่าพี/อี เรโช ลดลงเหลือ 10 เท่า และหุ้นจะขายในวันที่ 31 มีนาคมถึง
2 เมษายน 2547 เข้าซื้อขายในวันที่ 20 เมษายน 2547 นี้ จากจำนวนหุ้นที่กระจายนั้นในส่วนของบล.
ยูไนเต็ดได้รับการจัดสรรประมาณ 30% และปรากฏว่าลูกค้าของบริษัทได้แสดงความสนใจจองที่จะจองซื้อหุ้นมากกว่าจำนวนที่ได้รับการจัดสรรถึง
3 เท่า
"ถึงแม้ว่าบรรยากาศการซื้อขายหุ้นในช่วงนี้จะมีความผันผวน และมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงไปบ้าง
แต่ก็มั่นใจว่าหุ้นบริษัท ปิโกจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจและการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ
รวมทั้งการขยายตัวด้านกิจกรรมการตลาดของธุรกิจยานยนต์ และสื่อสาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ครองตลาดอยู่
สอดรับกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของปิโก" นายพิเสฐ จึงแย้มปิ่น ประธานกรรมการ
บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า การระดมทุนครั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการลงทุนในบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจที่สอดคล้อง
ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจของบริษัท และเพื่อขยายการดำเนินงานธุรกิจในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทตามแนวโน้มของภาวะอุตสาหกรรมการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่มีแนวโน้มที่ดี
โดยมีรัฐบาลให้การสนับสนุน และกำหนดเป็นกลยุทธ์ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแสดงสินค้านานาชาติและศูนย์รวมของภูมิภาค
ซึ่งรัฐบาลเตรียมงบประมาณไว้กว่า 4 พันล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติที่ภูเก็ต
และเชียงใหม่ ภายใน 2 ปีข้างหน้า
ปัจจุบัน บริษัทปิโก (ไทยแลนด์) มีกลุ่มลูกค้าประจำทั้งธุรกิจผู้ผลิตรถยนต์ และการสื่อสาร
เช่น Mercedez Benz, Chevrolet, Ford, GM และ Shin Group ซึ่งบริษัทชั้นนำเหล่านี้ต่างให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมทางการตลาดแบบครบวงจร
เพื่อสร้าง ภาพลักษณ์ธุรกิจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงมากขึ้นส่งผลให้บริษัทมีรายได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงธุรกิจบริหารงานออกแบบพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะหากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มลูกค้าสถาบันการเงิน
บริษัทประกัน บริษัทที่ทำธุรกิจขายตรง เช่นบริษัทที่ขายเครื่องสำอาง เป็นต้น
ด้านโครงสร้างรายได้ในปี 2545-2546 มีการขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีรายได้รวมในปี
2545 จำนวน 373.60 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 449.34 ล้านบาทในปี 2546 โดยมีรายได้หลักจากการจัดกิจกรรมงานแสดงสินค้า
61.59% การจัดกิจกรรมการตลาด 24.50% และการจัดกิจกรรมนิทรรศการถาวรและพิพิธภัณฑ์
8.06% ของรายได้รวม ส่วนกำไรสุทธิมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2545 บริษัทมีกำไรสุทธิ
23.15 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 30.14 ล้านบาท ในปี 2546