Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 มีนาคม 2547
CCP ดันแบรนด์กันยงโฮมสโตร์ ชิงส่วนแบ่งค้าปลีก-ส่งวัสดุต่อยอดธุรกิจ             
 


   
search resources

ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี, บมจ.
ชลบุรีกันยง, บจก.
อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม
Construction




"ชลบุรีกันยง" เครือผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เสริมจุดขายหวังตอกย้ำแบรนด์ กันยงโฮมสโตร์ เล็งเปิดสาขา 2 ที่พัทยา พร้อมเร่งขายปลีก หลังตลาดโต ควบคู่รักษาตลาดลูกค้ารายใหญ่ (โฮลเซลส์) ด้านเอ็มดี CCP เตรียมเปิดพื้นที่ผสมปูน(Plants) อีก 3 จุด เงินลงทุน 100 ล้าน เร่งเพิ่มรถขนส่งรวม 220 คัน รองรับการทำตลาดเชิงรุก

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการบริษัท ชลบุรีกันยง จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ เนม กันยงโฮมสโตร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่าหลังจากที่บริษัทได้เปิดสาขาภายใต้แบรนด์เนม ที่พื้นที่ชลบุรี เพื่อทำหน้าที่ในการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปรากฏว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยในปี 2546 มียอดขายถึง 626 ล้านบาท จากเป้าที่ตั้งไว้ 500 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2547 บริษัท มียอดขาย 100 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนของการขายปลีกมีอัตราสูงขึ้น

สาเหตุสำคัญที่ยอดขายปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น มาจากการขายที่มุ่ง จำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่เพื่อให้ปริมาณการขายสินค้ามีอัตราที่สูง มีผลต่อการแข่งขัน ทำให้มีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สภาพตลาด ด้านค้าปลีกเริ่มขยายตัวมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ แต่ยังคงรักษาลูกค้ารายใหญ่

โดยบริษัทเตรียมเปิดสาขาแห่งที่ 2 พื้นที่พัทยาภายในเดือนตุลาคมนี้ ใช้เงินทุนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นทุนที่มาจากเงินเพิ่มทุน ขนาดพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร ทั้งนี้แม้จะเหลือเวลาการขายเพียง 3 เดือนสุดท้ายของปี แต่คิดว่าหากมียอดขายเฉลี่ย 1 ล้านบาทต่อวันก็น่าพอใจ ขณะเดียวกันรูปแบบจะมีการเพิ่มสินค้าสำหรับเฟอร์นิเจอร์ ต่างกับสาขาแรกที่สินค้าดังกล่าวจะเหมาะกับห้องครัว ( Build-In )

"รูปแบบของร้านจะมีความต่างกับร้านที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เพราะต้องพิจารณาเรื่องทำเล มีพื้นที่เพื่อสต๊อกของได้เยอะ มีของโชว์ ซึ่งตลาดของกันยงโฮมสโตร์จะต่างกับคู่แข่งอย่างร้านค้าโฮมโปร หรือจะมีสาขาให้เทียบเท่าร้านค้า เซเว่นคงลำบาก ทำให้เราต้องเลือก พื้นที่ในการทำตลาด นอกจากนี้ยอดการขายเงินสดเฉลี่ยได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก 1 แสนบาทต่อวันเฉลี่ยทั้งปี เพิ่มเป็น 4-5 แสนบาทต่อวัน โดยเฉพาะปลายปีที่ผ่านมายอดการขายด้วยเงินสดพุ่งขึ้นเฉลี่ย 8 แสนบาทต่อวัน" นายอาทิตย์กล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาภายในรอบๆชานเมือง คือ ย่านรามอินทราและบางนา ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา เพราะต้องรอให้การเปิดสาขาแห่งที่ 2 ดำเนินการไประยะหนึ่งก่อน

คาดมาร์จิ้นทั้งกลุ่มโต 17%

นายประทีป ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิต ภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP กล่าวว่า ในปีนี้อัตราการกำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น) ของบริษัทจะเติบโตได้ระดับ 15-17% เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2546 ปัจจัยสำคัญมาจากบริษัทได้ลงทุนเพิ่มจุดผสมปูนผสมเสร็จ (Plants) เพิ่มในช่วงไตรมาสแรกจำนวน 3 แห่ง แบ่งเป็น 2 จุดแรกบริเวณสุวรรณภูมิ และอีก 1 แห่งที่บางนา รวมแล้วบริษัทมีจุดผสมปูนผสมเสร็จถึง 17 แห่ง มีกำลังการผลิต 72,000 คิวต่อตร.ม. ต่อเดือน และภายในไตรมาสที่สองจะมีการลงทุนเพิ่มจุดผสมปูนผสมเสร็จอีก 3 แห่ง เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท มีกำลังการ ผลิต 15,000 คิวต่อตร.ม.ต่อเดือน ขณะเดียวกันการเพิ่มจำนวนรถขนส่ง จะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เร็วขึ้น โดยจะเพิ่มจาก 200 คัน ณ สิ้นปีที่ผ่านมาเป็น 220 คัน ในปีนี้ เพราะส่วนนี้ถือเป็นจุดอ่อนของธุรกิจก่อสร้างในระบบ

นอกจากนี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารลูกหนี้ ส่งผลให้มีรายได้รับที่เร็วขึ้น จากเดิมที่ระยะเร่งรัดเก็บหนี้ในปี 2545 อยู่ที่ 100 วัน มาเหลือ 73 วันในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีกระแสเงินที่หมุนได้คล่องขึ้น ส่วนการเก็บสินค้าคงเหลือ(สต๊อก)สินค้าได้ลดลงจาก 75 วันเหลือ 71 วัน

"ขณะนี้งานก่อสร้างที่อยู่ในมือ มีประมาณ 740 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาส 3 ที่มีอยู่ 563 ล้านบาท ส่วนงานก่อสร้างอื่นๆคงไม่สามารถ เปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องของธุรกิจ อย่างไรก็ดีด้วยจุดแข็งในการบริการ และมีระบบขนส่งที่พร้อม น่าจะทำให้มีโอกาสในการขยายตลาดได้ และนโยบายของบริษัทธุรกิจของเราไม่เอาเรื่องราคาไปชนกับใคร แต่ สิ่งที่เราทำคือการบริการให้กับลูกค้า สินค้ามีคุณภาพ ราคาที่เสนอมีความยุติธรรมและมีความเป็นไปได้" นายประทีปกล่าว

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2546 มีหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 1.03 เท่า เทียบกับปี 2545 มี D/E 27 เท่า สาเหตุมาจาก ผลรายได้ที่เพิ่มขึ้น 1,266 ล้านบาท เติบโตกว่า 48% เมื่อเทียบกับปี 2545 ที่มียอดขาย 852 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 127 ล้านบาท จาก 49 ล้านบาทในปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตราเติบโตที่ 259% บริษัทมีกระแสเงินสดที่คล่องตัวจาก 55 ล้านบาทในปี 45 เพิ่มเป็น 109 ล้านบาทในปี 46

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us