ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปรับฐานะบง.กรุงศรีอยุธยา เป็น NON-BANK เตรียมคืนใบอนุญาตประกอบการธุรกิจเงินทุน
หลังเข้าหารือกับแบงก์ชาติก.พ.ที่ผ่านมา ด้านแผนงานในอนาคตเน้นธุรกิจ เช่าซื้อเพื่อสนับสนุนธุรกิจธนาคาร
ขณะที่ผู้บริหารเผยส่งผลดีกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นรายใหญ่-รายย่อย เพราะสามารถดำรงฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อ พร้อมเตรียมขายสินเชื่อรวมประมาณ 3 พันล้านบาทให้ธนาคารแม่บริหารต่อ มั่นใจใช้เงิน
2 เดือนสามารถส่งแผนให้แบงก์ชาติพิจารณาอนุมัติได้
นายจำลอง อติกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY เปิดเผยถึง
แผนการดำเนินงานและปรับโครงสร้างบริษัทในเครือ ว่า ธนาคารเตรียมปรับปรุงโครงสร้างบริษัทเงินทุน
(บง.) กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ AITCO ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ธนาคารถืออยู่ประมาณ
80% เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Master Plan) โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ธนาคารได้เข้าไปหารือถึงแนวทางเบื้องต้นกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรียบร้อยแล้ว
โดยแนวทางของบง.กรุงศรีอยุธยา นั้นจะต้องมีการคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจบริษัทเงินทุนให้กับ
ธปท. เนื่องจากแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินต้องการที่จะให้สถาบันการเงินดำเนินธุรกิจไม่ซ้ำซ้อน
ซึ่งบง.กรุงศรีอยุธยา ดำเนินธุรกิจเหมือนกับธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น ธนาคารจึงใช้แนวทางการคืนใบอนุญาต
ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย ทั้งลูกค้า ธนาคาร และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ
สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานหลังจาก บง.กรุงศรีอยุธยา ได้คืนใบอนุญาตแล้ว AITCO
จะเปลี่ยนสภาพเป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (NON-BANK) ที่ดำเนินธุรกิจทางการเงินที่จะช่วยสนับสนุนธนาคารต่อไป
โดยธุรกิจที่เหมาะสมที่สุดคือ เช่าซื้อ จะเช่าซื้อรถยนต์หรือเช่าซื้อเครื่องจักร
ก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งรายละเอียดทางด้านผู้บริหารของบง.กรุงศรีอยุธยาจะส่งเข้ามาให้คณะกรรมการธนาคารได้พิจารณาภายใน
2 เดือน หลังจากนั้นจะนำแผนและรายละเอียดเสนอให้กับธปท.พิจารณาต่อไป
"การปรับเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของ AITCO ให้เป็น NON-BANK ถือว่าเหมาะสมที่สุด
เพราะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมาก
หากใช้วิธีการควบรวมกับแบงก์จะเกิดผลกระทบกับผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ ซึ่งเมื่อแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
AITCO ยังคงซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้เหมือนเดิม" กรรมการผู้จัดการใหญ่
กล่าว
ส่วนแผนการดำเนินงานของ AITCO หลังจากคืนใบอนุญาตให้กับธปท. แล้ว ลูกค้าของ AITCO
ในส่วนของสินเชื่ออื่นๆ ที่มีอยู่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ธนาคารจะรับซื้อคืนมาทั้งหมด
โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินเชื่อการค้าที่ปล่อยกู้ให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่
"สินเชื่อที่ธนาคารจะรับซื้อมานั้นไม่ถือว่าเป็นภาระให้กับธนาคาร เนื่องจากช่วง
2-3 ปีที่ผ่านมา บง.กรุงศรีอยุธยามีผลประกอบการที่เป็นกำไรโดยตลอด มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐานบีไอเอสประมาณ
20%"
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในเครือแห่งอื่นนั้น นายจำลอง กล่าวว่า จากการพิจารณาของธนาคารในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว
พบว่า บริษัทในเครือแห่งอื่นยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ด้วยดี มีการทำธุรกิจสนับสนุนลูกค้าของธนาคารได้ครบวงจน
เช่น บริษัทประกันชีวิต บริษัทจัดการกองทุนรวม ฯลฯ แต่ในส่วนของบง.กรุงศรีอยุธยา
เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ด้านผลการดำเนินงานของ AITCO ในปีที่ผ่านมา สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546
มีกำไรสุทธิ 236.58 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.01 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
กำไรสุทธิ 132.39 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.56 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 78.70%
ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 627.35 ล้านบาทในปี 2546
เทียบกับ 291.95 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และผลกำไรจากเงินลงทุน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546 ขณะที่สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 1,246.93 ล้านบาท
ซึ่งเกินกว่าสำรองที่ต้องตั้งให้ครบถ้วนตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และมีสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ประมาณร้อยละ
20.20